‘สหรัฐฯ’เครียด! ข้อมูล‘ลับสุดยอด’แผนการ‘อิสราเอล’ตอบโต้‘อิหร่าน’รั่วว่อนเน็ต
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2567 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา รายงานข่าว Leaked documents show US intelligence on Israel’s plans to attack Iran, sources say สหรัฐฯ กำลังสืบสวนการรั่วไหลของข้อมูลข่าวกรองระดับ “ลับสุดยอด” เกี่ยวกับแผนการของอิสราเอลในการตอบโต้อิหร่าน ตามคำบอกเล่าของบุคคล 3 คนที่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งใน 3 คนที่ว่าได้ยืนยันความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว
ข้อมูลดังกล่าวซึ่งระบุวันที่ 15 และ 16 ต.ค. 2567 เริ่มมีการเผยแพร่ทางออนไลน์เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2567 หลังจากมีการโพสต์บนแอปพลิเคชั่น Telegram โดยผู้ใช้บัญชีชื่อว่า “Middle East Spectator” เอกสารเหล่านี้ถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นความลับสุดยอด (Top Secret) และมีเครื่องหมายระบุว่า ข้อมูลนี้สำหรับพันธมิตรกลุ่ม “ดวงตาทั้ง 5 (Five Eyes)” เท่านั้น ได้แก่สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์
ข้อมูลเหล่านั้นบรรยายถึงการเตรียมการที่อิสราเอลดูเหมือนจะกำลังทำเพื่อโจมตีอิหร่าน เอกสารฉบับหนึ่งซึ่งระบุว่า จัดทำโดยสำนักงานข่าวกรองภูมิสารสนเทศแห่งชาติสหรัฐฯ (NGIA) กล่าวถึงแผนที่เกี่ยวข้องกับการที่อิสราเอลเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ ขณะที่เอกสารอีกฉบับซึ่งระบุแหล่งที่มาจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) มีรายละเอียดการซ้อมรบของกองทัพอากาศอิสราเอลที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธอากาศสู่พื้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีอิหร่านเช่นกัน
ทางการสหรัฐฯ กล่าวว่า การสอบสวนกำลังตรวจสอบว่าใครมีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารของกระทรวงกลาโหม การรั่วไหลดังกล่าวจะทำให้กระทรวงกลาโหม สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และบรรดาหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ดำเนินการสอบสวนโดยอัตโนมัติ ในเบื้องต้น FBI ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยการรั่วไหลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล และน่าจะทำให้อิสราเอลโกรธเคือง เนื่องจากอิสราเอลเตรียมโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้การยิงขีปนาวุธของอิหร่านในวันที่ 1 ต.ค. 2567
เอกสารฉบับหนึ่งยังชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนยันต่อสาธารณะมาโดยตลอด นั่นคืออิสราเอลครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ เอกสารดังกล่าวระบุว่า สหรัฐฯ ไม่พบสิ่งบ่งชี้ใดๆ ว่าอิสราเอลมีแผนจะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่าน ด้าน มิค มัลรอย (Mick Mulroy) อดีตเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายตะวันออกกลาง ให้ความเห็นว่า หากเป็นความจริงที่แผนยุทธวิธีของอิสราเอลในการตอบโต้การโจมตีของอิหร่านเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 ถูกเปิดเผย ก็ถือว่าเป็นการละเมิดที่ร้ายแรง
“การประสานงานในอนาคตระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลอาจถูกท้าทายได้เช่นกัน ความไว้วางใจเป็นองค์ประกอบสำคัญในความสัมพันธ์ และขึ้นอยู่กับว่าความไว้วางใจนั้นรั่วไหลออกไปได้อย่างไร ความไว้วางใจนั้นก็อาจถูกทำลายลงได้” มัลรอย กล่าว
ทั้งกระทรวงกลาโหมและ NGIA ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับข่าวการรั่วไหลของข้อมูลลับนี้เช่นกัน ขณะที่ผู้สื่อข่าว CNN กำลังรอการคอบกลับจากทาง NSA ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนของสหรัฐฯ กล่าวว่า เอกสารทั้ง 2 ฉบับนี้แม้จะไม่ดีแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่สิ่งที่น่ากังวลคือจะมีอีกหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ชัดเจนว่าการรั่วไหลเกิดจากการถูกแฮ็กหรือมีบุคคลเจตนาปล่อยข้อมูล
สหรัฐฯ อยู่ในภาวะเฝ้าระวังระดับสูงเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ของอิหร่านอยู่แล้ว โดยหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเดือน ส.ค. 2567 ว่า อิหร่านได้แฮ็กเอกสารที่เป็นของแคมเปญหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขณะนี้กำลังหาเสียงเลือกตั้งกลับมาเป็นผู้นำสมัยที่ 2 อนึ่ง ย้อนไปเมื่อปี 2566 สหรัฐฯ เคยเผชิญความตึงเครียดกับบรรดาชาติพันธมิตรมาแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ยามฝั่งทางอากาศวัย 21 ปี นำข้อมูลที่เป็นความลับของทางราชการไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Discord
ขอบคุณเรื่องจาก
https://edition.cnn.com/2024/10/19/politics/us-israel-iran-intelligence-documents/index.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี