21 ตุลาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เควิน หยาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ของฮ่องกง แถลงการณ์ว่า พบลิงจำนวน 9 ตัวตายใน "สวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์" ซึ่งเป็นสวนสัตว์เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง ภายในช่วงเวลา 2 วัน ของสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจากการเป็นโรค "เมลิออยโดซิส" (melioidosis) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ "Burkholderia pseudomallei" ในกระแสเลือด ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้เป็นแบคทีเรียร้ายแรงที่ก่อโรคในคนและสัตว์ในเขตร้อนชื้น และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

"มีความเป็นไปได้ว่าลิงติดเชื้อนี้ หลังจากทางสวนสัตว์ได้ทำการขุดดินเพื่อซ่อมแซมท่อชลประทานบางส่วน บริเวณใต้แปลงดอกไม้ใกล้กรงลิง เมื่อต้นเดือนตุลาคม โดยเชื่อว่าลิงอาจสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียหลังจากเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์เดินเข้าไปในกรง โดยสวมรองเท้าที่อาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป  การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ โดยทั่วไปเกิดขึ้นจากการสัมผัสดินและน้ำที่ปนเปื้อน ปกติแล้วจะแล้วไม่มีอันตรายต่อมนุษย์จากการสัมผัสสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ สวนสัตว์ได้ดำเนินมาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างเร่งด่วนแล้วเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน ทำการปิดกั้นพื้นที่คุ้มครองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เพื่อไม่ให้มีการติดต่อระหว่างคนทั่วไปกับสัตว์

ทางสวนสัตว์พบลิงตาย 8 ตัวเมื่อวันอาทิตย์ และอีก 1 ตัวตายเมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา หลังจากลิงแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติ โดยลิงที่ตายไป เป็นลิงสายพันธุ์ เดอบราซซา ลิงกระรอกธรรมดา ลิงซากิหน้าขาว 4 ตัว และลิงทามารินหัวฝ้าย 3 ตัว ซึ่งทั้งหมดเป็นสัตว์ที่อยู่ในรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ

โดยตามรายงานของศูนย์คุ้มครองสุขภาพฮ่องกง โรคเมลิออยโดซิส เกิดจากแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei ซึ่งแพร่หลายในดินและน้ำโคลน โทมัส ซิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบและกักกันของกรมเกษตร ประมง และอนุรักษ์ กล่าวว่า แบคทีเรียชนิดนี้พบได้ทั่วไปในเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งปกติจะอาศัยอยู่ในดินและน้ำ  รวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ในประเทศอื่นๆ ก็เคยติดเชื้อมาก่อนแล้ว และในฮ่องกงก็เคยมีผู้ป่วยรายบุคคลมาก่อนเช่นกัน