พิตต์สเบิร์ก/ฟิลาเดลเฟีย/วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์/ซีเอ็นเอ็น) - สองผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปิดฉากการหาเสียงเลือกตั้งแล้ว ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งสำคัญเปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรา

โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ การหาเสียงเมื่อค่ำวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ประกาศจะเร่งกวาดล้างการค้ายาเสพติดบริเวณพรมแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก ด้วยการเก็บภาษีร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก และจะทำเช่นเดียวกันกับจีนที่ส่งออกเฟนทานิลที่เป็นยาแก้ปวดไปยังเม็กซิโก ทรัมป์ยังได้โจมตี คามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตว่า จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย เกิดปัญหาปากท้องหากได้รับเลือกตั้ง จากนั้น ทรัมป์ปิดท้ายการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ เรพพิด รัฐมิชิแกน อีกหนึ่งรัฐสวิง สเตท เขาชมตัวเองว่าได้รับการชื่นชมจากเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนพรมแดนสหรัฐฯ ว่าเป็นประธานาธิบดีที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องของการดูแลปกป้องพรมแดนสหรัฐฯ ทำได้ดีกว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอดีตอย่าง จอร์จ วอชิงตัน หรือ อับราฮัม ลินคอล์น เสียอีก ก่อนที่แแดนซ์ลงเวทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมของบรรดาผู้สนับสนุน

ด้าน คามาลา แฮร์ริส ขึ้นปราศัยที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงค่ำวันที่ 4 พ.ย. เป็นเวทีหาเสียงครั้งสุดท้าย โดยได้แรงหนุนจาก โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรรายการทอล์กโชว์ชื่อดังวัย 70 ปี กล่าวกับผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัย ก่อนแนะนำตัวแฮร์ริสให้ขึ้นพูดเป็นลำดับถัดไป ซึ่งแฮร์ริสมุ่งเน้นหาเสียงสนับสนุนสิทธิในการทำแท้งของสตรี และให้คำมั่นเรื่องลดรายจ่ายภาคครัวเรือนโดยเฉพาะค่าอาหารและที่อยู่อาศัย ก่อนที่จะมีบรรดาศิลปินชื่อดัง ทั้ง เลดี้ กาก้า และ เคที เพอร์รี่ขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตปิดท้าย

การปิดฉากหาเสียงที่เพนซิลเวเนียและมิชิแกนของทั้งทรัมป์และแฮร์ริส ตอกย้ำอีกครั้งให้เห็นถึงความสำคัญของรัฐนี้ที่เป็นรัฐสมรภูมิ หรือ สวิง สเตท ที่ไม่ได้เป็นฐานเสียงของพรรคใด ว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ชี้ผลแพ้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะรัฐเพนซิลเวเนีย ถือเป็นรัฐที่มีความสำคัญมากในการตัดสินว่าใครจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้เนื่องจากเป็นรัฐสมรภูมิ หรือสวิง สเตท ที่ไม่มีใครมีคะแนนเสียงสูงกว่าอย่างชัดเจน และมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) 16 คะแนน มากที่สุดในบรรดา 7 รัฐสวิง สเตท

ขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างน้อย 82 ล้านคน หรือกว่าร้อยละ 50 ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 160 ล้านคน ในการเลือกตั้งปี 2020 อย่างไรก็ตามอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทราบว่าใครจะเป็นผู้ชนะอย่างเป็นทางการ เนื่องจากหลายรัฐ เช่น เพนซิลเวเนีย จะต้องใช้เวลาในการรวมคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ด้วย

ทั้งนี้ คูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดฉากขึ้นแล้วตั้งแต่เวลา 17.00 น.วานนี้ตามเวลาในบ้านเรา แต่ว่าก่อนหน้านั้นดิกซ์วิลล์นอตช์ หมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์สานต่อธรรมเนียมการเปิดคูหาเลือกตั้งเป็นแห่งแรกของประเทศ เมื่อเข็มนาฬิกาผ่านพ้นเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 5 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น และได้ปิดคูหาพร้อมกับทราบผลคะแนนแล้ว โดยทรัมป์-แฮร์ริส เสมอกัน 3 ต่อ 3 จากจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนในหมู่บ้านแห่งนี้ 6 คน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวดในหลายพื้นที่ เนื่องจากการเลือกตั้งปีนี้ถือเป็นการแข่งขันที่คู่คี่สูสีที่สุด ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมือง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้มาตรการต่างๆ กัน เพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายรัฐสวิง สเตท ที่จะชี้ชะตาผลการเลือกตั้ง เช่น รัฐเนวาดา ที่ผู้สนับสนุนทรัมป์ออกมาประท้วงหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ในปีนี้ เจ้าหน้าที่วางรั้วรักษาความปลอดภัยในสถานที่ที่เคยเป็นจุดชุมนุมประท้วง รวมถึงศูนย์นับคะแนนเลือกตั้งในเมืองลาสเวกัสส่วนรัฐอย่าง นอร์ทแคโรไลนา นิวเม็กซิโก ออริกอนวิสคอนซิน ไอโอวา อิลลินอยส์ และวอชิงตัน ได้ประจำการกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ หรือ เนชันแนลการ์ด ขณะที่อีกหลายรัฐ เช่น โคโรลาโด ฟลอริดา ฮาวาย เพนซิลเวเนียเทนเนสซี เท็กซัส เวสต์ เวอร์จิเนีย และกรุงวอชิงตัน ดีซี ทหารได้เข้ามาประจำการเตรียมพร้อมแล้ว เพื่อมิให้เกิดความรุนแรงโดยในบางรัฐ มีการใช้โดรนลาดตระเวนและมีเจ้าหน้าที่ซุ่มยิงเตรียมพร้อม