โดฮา/เตหะราน (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์/อัล-จาซีรา) - กาตาร์ขอพักบทบาทการเป็นคนกลางให้เกิดการหยุดยิงและปล่อยตัวประกันในกาซา จนกว่ากลุ่มฮามาสและอิสราเอลจะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะฟื้นการเจรจาเท่านั้น ด้านอิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ เรื่องอิหร่านพัวพันการวางแผนลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ประเทศสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน

กระทรวงต่างประเทศกาตาร์แถลงเมื่อวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. เรื่องขอพักบทบาทดังกล่าว หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับสหรัฐฯ และอียิปต์มาตลอดหลายเดือนให้กลุ่มที่สู้รบกันในกาซาได้เจรจากัน แต่การเจรจาไม่เป็นผล รวมถึงการเจรจารอบล่าสุดเมื่อกลางเดือนตุลาคม การที่กาตาร์ประกาศพักการเป็นคนกลางทำให้ความพยายามบรรลุข้อตกลงเผชิญอุปสรรคครั้งใหญ่ กระทรวงต่างประเทศกาตาร์ยังได้ปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับอนาคตของสำนักงานทางการเมืองฮามาสในกาตาร์ หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยเมื่อวันศุกร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขอให้กาตาร์ขับคนในสำนักงานนี้ และกาตาร์ได้แจ้งเรื่องนี้ต่อกลุ่มฮามาสแล้ว ด้านฮามาสยืนยันว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากกาตาร์ว่าไม่ต้อนรับแกนนำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสอีกต่อไป

กาตาร์ให้ฮามาสเปิดสำนักงานทางการเมืองในกรุงโดฮาตั้งแต่ปี 2555 อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การเจรจาหาทางลดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ที่ดำเนินมาตั้งแต่ยังไม่เกิดสงครามรอบล่าสุดเมื่อฮามาสข้ามพรมแดนเข้าไปก่อเหตุสะเทือนขวัญในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566

ในอีกด้านหนึ่ง อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านแถลงเมื่อวันเสาร์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ เรื่องกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านเป็นผู้สั่งการแผนลอบสังหารทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ว่า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ชาวอเมริกันได้ตัดสินใจไปแล้ว และอิหร่านเคารพสิทธิของชาวอเมริกันที่จะเลือกผู้นำของตนเอง เช่นเดียวกันหนทางข้างหน้าที่เป็นเรื่องของทางเลือกเช่นกัน และจะต้องเริ่มด้วยการเคารพกัน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวด้วยว่า เวลานี้ อิหร่านยังไม่ต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นตามหลักคำสอนทางศาสนาและการประเมินด้านความมั่นคง การสร้างความไว้วางใจระหว่างกันเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การเดินหน้าแต่ฝ่ายเดียว

นักวิเคราะห์และแหล่งข่าววงในชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่อิหร่านและสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่จะมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดลดลง แม้ว่าจะไม่ดีขึ้นถึงขั้นฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับปกติ เนื่องจากอิหร่านจะดำเนินการโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก หากสหรัฐฯ ยกเลิกคำขู่ด้านความมั่นคงกับอิหร่าน ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะจัดการเจรจาสันติภาพลับๆ ระหว่างกัน