สื่อฮ่องกงชี้‘สมรสเท่าเทียม’โอกาสของ‘ไทย’ในฐานะจุดหมายปลายทางคู่รักเพศเดียวกันทั่วโลกจัดงานวิวาห์
19 พ.ย. 2567 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Is Thailand the next big LGBTQ wedding destination? Insiders think so ซึ่งชี้ว่า หลังจากรัฐสภาของประเทศไทยลงมติเห็นชอบ (ร่าง) พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือน ม.ค. 2568 ก็กลายเป็นโอกาสชองไทยที่จะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคู่รักผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในการเลือกเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน
เคิร์ท ตุง (Kurt Tung) ผู้ร่วมก่อตั้ง Next Chapter LGBT บริษัทรับจัดงานแต่งงานในฮ่องกง กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ ซึ่งทำให้ไทยกลายเป็นเขตอำนาจศาลแห่งที่สามในทวีปเอเชียต่อจากไต้หวันและเนปาล ที่รับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกัน ทำให้คู่รักชาวไทยมีทางเลือกที่จะแต่งงานกันแบบตัวต่อตัวโดยไม่ต้องเดินทาง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้รับการติดต่อจากคู่รักที่หวังจะแต่งงานกันในประเทศไทยมากขึ้น แต่เพื่อที่จะดำเนินการต่อไปได้นั้นยังต้องรอให้ร่างกฎหมายผ่านและรอการยืนยันรายละเอียดเพิ่มเติม
ตุง กล่าวอีกว่า ในขั้นตอนนี้ยังมีสิ่งที่ไม่รู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคจะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร ไปจนถึงว่าการจดทะเบียนสมรสเพศเดียวกันจะมีผลผูกพันทางกฎหมายทั่วโลกเทียบเท่ากับคู่รักต่างเพศหรือไม่ ซึ่งในแต่ละปี บริษัทช่วยให้คู่รักชาวฮ่องกง 100 -120 คู่เข้าพิธีแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานทางไกลผ่านระบบซูม หรือไปจัดงานแต่งงานนอกสถานที่ในต่างประเทศ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือการแบ่งปันความสุขและเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อนๆ
“แม้ว่ากฎหมายของไทยจะเป็นข่าวดีสำหรับคู่รักเพศเดียวกันในเอเชีย แต่สมาชิกชุมชน LGBTQ ของฮ่องกงต้องการเห็นความเท่าเทียมกันในการสมรสในเมืองของตนเองในที่สุด” ตุง กล่าว
มาริโอ โลเปซ (Mario Lopez) ประธาน Destination Weddings Expert ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก และเราตื่นเต้นที่คนไทย รวมถึงคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงานในประเทศไทย จะสามารถให้คำมั่นสัญญาต่อกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในที่สุด สิ่งนี้เปิดทางให้เราสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและน่าทึ่งอย่างแท้จริงสำหรับคู่รักที่น่าทึ่งของเราและแขกของพวกเขา
ทั้งนี้ บริษัทของตนได้วางแผนจัดงานแต่งงานที่จุดหมายปลายทางของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันไว้หลายงาน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นโอกาสให้คู่รักได้สัมผัสประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น และแม้จะยอมรับว่าบริษัทจะไม่ได้รับการติดต่อใดๆ เพิ่มเติมสำหรับประเทศไทย แต่คาดว่าเมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไป เมื่อเราเริ่มสัมผัสกับการต้อนรับอันน่าทึ่งและวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาที่การจัดงานแต่งงานแบบไทยมักจะมอบให้ เราจะเห็นความสนใจเพิ่มมากขึ้น
“เราเคยสัมผัสประสบการณ์สุดคลาสสิก สง่างาม และกล้าหาญและมีชีวิตชีวาสำหรับงานแต่งงานในสุดสัปดาห์กับคู่รักของเรา เมื่อประเทศไทยเปิดประตูต้อนรับชุมชน LGBTQ เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นดีไซน์ที่สวยงามตระการตามากขึ้น นี่คือโอกาสสำหรับบางสิ่งที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง เนื่องจากจุดหมายปลายทางนี้เป็นประสบการณ์การเดินทางที่เหนือชั้นกว่าที่อื่นๆ สำหรับนักเดินทางชาวอเมริกันทั่วไป เราคาดว่าจะได้เห็นงานแต่งงานแบบเรียบง่ายและการเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ เกิดขึ้นจากสิ่งนี้” โลเปซ กล่าว
เคิร์สเทน พัลลาดิโน (Kirsten Palladino) ผู้ก่อตั้งร่วมและผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของ Equally Wed นิตยสารออนไลน์เกี่ยวกับงานแต่งงานของกลุ่ม LGBTQ และผู้เขียน Equally Wed: The Ultimate Guide to Planning Your LGBTQ+ Wedding คาดว่าประเทศไทยจะมีงานแต่งงานที่จัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคู่รักเพศเดียวกันเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสังเกตว่าสำหรับงานแต่งงานในสถานที่ต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวกับใบอนุญาตสมรสในสถานที่จัดงานแต่งงานมากนัก
พัลลาดิโน ระบุว่า คู่รักส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ เลือกที่จะขอใบอนุญาตสมรสที่บ้านและจัดงานแต่งงานเชิงสัญลักษณ์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ มีปัญหาในการปฏิบัติตามระบบกฎหมาย ซึ่งการที่ประเทศไทยรับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันตามกฎหมาย ถือเป็นการแสดงออกอย่างลึกซึ้งต่อสังคมว่าการแต่งงานของเราควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
“ตอนนี้เหมือนกับที่เราเห็นในสหรัฐฯ การยอมรับและการเคารพนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีที่เราได้รับกฎหมายความเสมอภาคในการสมรสจากรัฐบาลกลาง แต่ธุรกิจที่เชื่อในกฎหมายความเสมอภาคในการสมรส หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ต่อต้านกฎหมายนี้อย่างจริงจัง กลับเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นเกี่ยวกับค่านิยมที่ครอบคลุมของพวกเขา ฉันคิดว่าเราจะเห็นสิ่งนี้ในประเทศไทยเช่นกัน การระบุผู้ให้บริการและสถานที่จัดงานแต่งงานที่ครอบคลุม LGBTQ จะง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายถือว่าการจัดงานแต่งงานสำหรับ LGBTQ ก็ได้รับการยอมรับ” พัลลาดิโน กล่าว
แมทท์ มิชเชลล์ (Matt Mitchell) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และผู้ก่อตั้ง Mitchell Event Planning ในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งจัดงานแต่งงานเสร็จ และคู่รักนั้นกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยเพื่อฮันนีมูน กล่าวว่า เมื่อร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยผ่านขั้นตอนการลงพระปรมาภิไธยโดยพระมหากษัตริย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในแวดวงงานแต่งงานนอกสถานที่ของกลุ่ม LGBTQ
ซึ่งจากการพูดคุยกับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงานนอกสถานที่ ตนสังเกตว่าคู่รักเพศเดียวมักมองหาสิ่งที่คล้ายกัน นั่นคือ เป็นสถานที่ปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับหรือไม่ ผู้ขาย/ธุรกิจเป็นเจ้าของโดยกลุ่ม LGBTQ หรือเป็นพันธมิตรกัน และสามารถมอบประสบการณ์ให้กับแขกได้หรือไม่ แน่นอนว่าประเทศไทยผ่านเกณฑ์เหล่านั้นทั้งหมดและเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบันก็ยังเป็นผู้นำในด้านนี้ เนื่องจากเป็นชาติแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ยอมรับการแต่งงานของ LGBTQ
“แม้จะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเจ้าของธุรกิจระบุตัวตนในประเทศไทยอย่างไร แต่การค้นหาธุรกิจที่เป็นของ LGBTQ หรือต้อนรับ ยอมรับ และโอบรับคู่รัก LGBTQ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนในแง่ของประสบการณ์ ประเทศไทยมีทุกอย่าง ตั้งแต่ภูเขาในเชียงใหม่ ไปจนถึงกรุงเทพฯ เมืองที่พลุกพล่าน ไปจนถึงทิวทัศน์อันสวยงามของสวรรค์ริมชายฝั่งและเกาะต่างๆ จากประสบการณ์ของผม คู่รักที่จัดงานแต่งงานที่ประเทศไทยหลายคู่ต่างมองหาสภาพอากาศ อาหาร และทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นหมู่เกาะกรีก เม็กซิโก ฮาวาย อิตาลี ฯลฯ ประเทศไทยมีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในราคาที่ไม่มีใครเทียบได้” มิชเชลล์ ระบุ
รายงานของสื่อฮ่องกง กล่าวต่อไปว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานในเมืองนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้จัดทำ Go Thai Be Free ขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ และทีมงานที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการและความชอบของนักเดินทาง LGBTQ โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางมายังประเทศไทยของ LGBTQ แรงบันดาลใจในการเดินทางที่ครอบคลุม เรื่องราวจากนักเดินทาง LGBTQ จากโรงแรมและประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับ LGBTQ
มิชเชลล์ ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยจะติดอันดับคู่รัก LGBTQ มากมายในไม่ช้านี้ โดยตั้งข้อสังเกตจากกฎหมายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ม.ค. 2568 และมีแผนที่จะจัดงานแต่งงานหมู่สำหรับคู่รัก LGBTQ มากกว่า 1,000 คู่ ซึ่งจัดโดยผู้ร่วมก่อตั้งขบวนการ Bangkok Pride ซึ่งตนคิดว่างานแบบนี้จะยิ่งทำให้ช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น และทำให้คนอื่นๆ รู้สึก FOMO (Fear Of Missing Out – ความรู้สึกกลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาสำคัญ) สำหรับงานแต่งงานที่ต่างประเทศ ตนมองว่าเป็นการค่อยๆ สร้างความต้องการมากกว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“โดยเฉลี่ยแล้ว เที่ยวบินไปประเทศไทยจากสหรัฐอเมริกาใช้เวลา 21 ชั่วโมง 50 นาที ผมคิดว่าการเดินทางที่ท้าทายเป็นสิ่งเดียวที่จำกัดประเทศไทยในขณะนี้ ผมแทบรอไม่ไหวที่จะดูว่าประเทศไทยจะสร้างแบรนด์ให้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม LGBTQ ในอีกหลายปีข้างหน้าได้อย่างไร” มิชเชลล์ กล่าว
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.scmp.com/lifestyle/travel-leisure/article/3286993/thailand-next-big-lgbtq-wedding-destination-insiders-think-so
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี