วอชิงตัน/ออตตาวา (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 3 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่างแคนาดา เม็กซิโก และจีน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง พร้อมแจกแจงรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ที่จะทำเพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายหาเสียง เป็นสัญญาณเตือนว่าสงครามการค้าอาจปะทุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ทรัมป์ ซึ่งจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า ประกาศผ่าน Truth Social แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ของตนเองว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง หนึ่งในคำสั่งบริหารฉบับแรกๆ ที่เขาจะลงนาม คือคำสั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25%จนกว่า 2 เพื่อนบ้านจะมีมาตรการที่จริงจังในการกวาดล้างยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล รวมถึงพวกผู้อพยพที่หลั่งไหลข้ามแดนมายังสหรัฐฯ แม้ว่ามาตรการเช่นนี้อาจเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา หรือ USMCA
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศเรื่องภาษีเพิ่มเติม 10% นอกเหนือจากภาษีส่วนเสริมอื่นๆ ที่จะเรียกเก็บจากสินค้าจีน จนกว่ารัฐบาลจีนจะเพิ่มความพยายามสกัดกั้นยาแก้ปวดที่มีสารเฟนทานิลผสมอยู่ และกำลังแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์เชื่อว่า ส่วนผสมบางชนิดผลิตขึ้นในจีนและส่งมาขายในเม็กซิโก ก่อนจะลักลอบส่งมาขายในสหรัฐฯ อีกทอดหนึ่ง ถือเป็นการออกมาชี้แจงอย่างเฉพาะเจาะจงที่สุดเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากที่เขาชนะศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ด้วยสโลแกนอันโด่งดัง “อเมริกาต้องมาก่อน”
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ประกาศคำขู่รีดภาษี ทรัมป์ ได้ต่อสายพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา โดยมีการหารือทั้งในเรื่องการค้าและความมั่นคงชายแดน ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวฝั่งแคนาดา ที่ระบุด้วยว่าเป็นการหารือที่ดี และผู้นำทั้งสองจะยังคงพูดคุยกันต่อไป
สำหรับเม็กซิโกส่งออกสินค้ามากกว่า 83% เข้ามายังสหรัฐฯ ในปี 2023 ขณะที่แคนาดาส่งออกสินค้าเข้าสหรัฐฯ ประมาณ 75% ซึ่งแคนาดาและสหรัฐฯ เคยคว่ำบาตรสินค้ากันและกันระหว่างการเจรจาพูดคุยที่ไม่ลงตัว ซึ่งสุดท้ายได้นำมาสู่ข้อตกลง USMCA ทว่า ทรัมป์ จะมีโอกาสขอเจรจาเงื่อนไขใหม่ในปี 2026 ตามเงื่อนไขการสิ้นสุดอายุสัญญา (sunset provision) ที่จะบีบให้คู่สัญญาต้องถอนตัว หรือไม่ก็เจรจาเพื่อปรับแก้เงื่อนไขกันใหม่
ด้านโฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกมาแถลงตอบโต้ว่า จีนเชื่อว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีลักษณะของการได้ประโยชน์ร่วมกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่มีใครชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษี พร้อมอ้างถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลจีนเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 2 ฝ่ายมีการพูดคุยกันเมื่อปี 2023 โดยจีนรับปากสหรัฐฯ ว่าจะสกัดกั้นการส่งออกวัตถุดิบที่อาจนำไปใช้ผลิตเฟนทานิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดในสหรัฐฯ เฉพาะปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตกว่า 75,000 ศพ
แวดวงนักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่า แผนการขึ้นภาษีตามที่ทรัมป์เคยประกาศไว้ในระหว่างการหาเสียงจะทำให้อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กลับไปสูงมากเหมือนช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 ที่เป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูง การค้าสหรัฐฯ-จีนล่มสลาย เกิดการตอบโต้กัน และห่วงโซ่อุปทานปั่นป่วนหนัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี