มอสโก/เคียฟ (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - รัสเซียเดินหน้าโจมตียูเครนขนานใหญ่ในช่วงไม่กี่วันมานี้มุ่งเน้นทำลายระบบไฟฟ้าและพลังงาน ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขู่จะโจมตี “ศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาลยูเครน” ในกรุงเคียฟครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธล้ำสมัย ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของชาติตะวันตกโจมตีรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวระหว่างการประชุมที่คาซัคสถานว่า เขาเตรียมโจมตีศูนย์กลางอำนาจการบริหารของยูเครนในกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธรุ่นใหม่ชื่อ โอเรชนิค (Oreshnik) ที่เพิ่งนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงและไม่สามารถยิงสกัดได้ด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ

ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง กองทัพรัสเซียได้ยิงถล่มระบบไฟฟ้าทั่วยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนกว่า 200 ครั้งในหลายเมือง เป็นการโจมตีที่ใช้เวลานานถึง 9 ชั่วโมง มุ่งเน้นทำลายระบบไฟฟ้าและพลังงาน เพื่อตอบโต้ที่ยูเครนได้ใช้อาวุธที่สหรัฐฯ และอังกฤษมอบให้ไปโจมตีในดินแดนของรัสเซีย แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
แต่กระทรวงมหาดไทยยูเครนรายงานว่า ทำให้โครงสร้างพื้นฐานพลังงานของยูเครนเสียหายใน 9 แคว้น ยูเครนเนอร์โกหน่วยงานดูแลระบบจ่ายไฟฟ้าแห่งชาติของยูเครน ต้องประกาศไฟดับทั่วประเทศ มีชาวบ้านเดือดร้อนนับล้านๆ คน พร้อมกับเตือนว่า ผู้ใช้ไฟฟ้าบางรายอาจต้องเจอกับไฟดับนานอย่างน้อย 12 ชั่วโมง

ด้านประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า รัสเซียโจมตีมุ่งเน้นระบบไฟฟ้าแล้วยังใช้ขีปนาวุธที่ติดหัวรบแบบลูกปรายกับพลเรือน เขากล่าวหาปูตินว่า จากพฤติกรรมต่างๆ และการยกระดับการโจมตี แสดงให้เห็นว่าปูตินไม่มีความตั้งใจที่จะยุติสงคราม และพยายามขัดขวางไม่ให้ใครมาสงบศึกด้วย

ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ประณามรัสเซียที่ได้โจมตียูเครนอย่างโหดร้ายด้วยขีปนาวุธและโดรน ทำให้ประชาชนชาวยูเครนต้องเดือดร้ายอย่างแสนสาหัส การกระทำเช่นนี้ย้ำถึงความจำเป็นต้องช่วยเหลือยูเครนในการป้องกันตัวเอง เช่นที่กว่า 50 ประเทศได้มุ่งมั่นช่วยเหลือในขณะนี้