วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์)-ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามอภัยโทษ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของตนเอง ที่ถูกศาลตัดสินว่ากระทำผิดหลายคดีทั้งเรื่องอาวุธปืนและหลบเลี่ยงภาษี ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปออกมาโวยว่าเป็นการละเมิดและเป็นการกระทำที่ผิดพลาดต่อกระบวนการยุติธรรม
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านทางทำเนียบขาวว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. เขาได้ลงนามเพื่ออภัยโทษฮันเตอร์ บุตรชายของเขา ไบเดนกล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาได้รับปากว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรม และเขาก็รักษาสัญญานี้มาตลอด แม้ว่าจะเฝ้ามองดูบุตรชายของเขาถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมและถูกเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเขาเป็นบุตรชายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ไบเดนกล่าวต่อไปว่า เขาเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม แต่ก็เชื่อว่าการเมืองมีอิทธิพลต่อกระบวนการยุติธรรมและเขาได้ตัดสินใจในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จะอภัยโทษให้ลูกชายของตัวเอง และเขาหวังว่า ชาวอเมริกันจะเข้าใจว่าเหตุใดที่ประธานาธิบดีซึ่งเป็นพ่อคนหนึ่งต้องตัดสินใจเช่นนี้
ฮันเตอร์ ไบเดน จะถูกตัดสินเรื่องบทลงโทษในวันพุธที่ 4 ธ.ค. ในความผิดในการให้ข้อมูลเท็จและครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมาย หลังจากเมื่อเดือนกันยายน เขาได้รับสารภาพความผิดในข้อหาเรื่องการไม่จ่ายภาษีเป็นเงิน 1.4 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในเรื่องยาเสพติด สินค้าหรูหราราคาแพงและบริการทางเพศ ซึ่งเขาจะถูกตัดสินบทลงโทษในคดีนี้ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ทันที โดยได้โพสต์ข้อความลงใน X บอกว่าการที่ไบเดนอภัยโทษให้กับฮันเตอร์ รวมทั้งเชลยศึกในเหตุการณ์จลาจลอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 จำนวนหนึ่งที่อยู่ระหว่างรับโทษจำคุกในขณะนี้ ถือว่าเป็นการละเมิดและเป็นการกระทำที่ผิดพลาดต่อกระบวนการยุติธรรม ทรัมป์ยังตั้งคำถามว่าการให้อภัยโทษของไบเดนแก่ฮันเตอร์นั้นครอบคลุมไปถึงการให้อภัยโทษแก่ผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ก่อการจลาจลบุกอาคารรัฐสภา ที่ขณะนี้ถูกคุมขังมาหลายปีแล้วด้วยหรือไม่
ทำเนียบขาวกล่าวย้ำหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่า ไบเดน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์สุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่อภัยโทษหรือลดโทษให้แก่บุตรชายของเขา ที่กำลังฟื้นฟูตนเองจากการเป็นผู้ติดยาเสพติด ฮันเตอร์ ถูกตัดสินว่ากระทำผิดฐานให้แจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จในการตรวจสอบเพื่อซื้ออาวุธปืน ครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายและให้การรับสารภาพในความผิดเกี่ยวกับการไม่จ่ายภาษี
ในอีกด้านหนึ่ง มีการพบหารือกันระหว่างนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดา กับทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทรูโดรับปากกับทรัมป์ว่า แคนาดาจะใช้มาตรการเข้มงวดในการดูแลพรมแดนเพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปในสหรัฐฯ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นนายทรัมป์เคยขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีรายงานว่า บรรยากาศในการรับประทานอาหารค่ำของทรัมป์และผู้นำแคนาดา ที่บ้านพักของทรัมป์ในรัฐฟลอริดาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างฉันมิตร แตกต่างจากก่อนหน้านี้ โดยเมื่อปี 2565 ทรัมป์เคยเรียกนายทรูโดว่าเป็นพวกซ้ายจัดวิกลจริตจากกรณีที่แคนาดากำหนดให้คนขับรถบรรทุกจากสหรัฐฯ จะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนข้ามพรมแดนเข้ามายังแคนาดาก่อนหน้านั้นในปี 2561 ทรัมป์ถึงกับเดินผละออกจากห้องประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 ที่แคนาดาเป็นเจ้าภาพที่เมืองควิเบก เนื่องจากไม่พอใจและวิจารณ์ทรูโดว่าเป็นคนที่อ่อนแอและไม่ซื่อสัตย์มากๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี