ประท้วงต่อ : ผู้ประท้วงชาวเกาหลีใต้สวมหน้ากากใบหน้าประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล และ คิม ยอง ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ระหว่างรวมตัวชุมนุมด้านหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงโซลเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อเรียกร้องให้เร่งกระบวนการถอดถอนนายยุนออกจากตำแหน่ง จากความผิดพลาดในการประกาศกฎอัยการศึก
โซล (รอยเตอร์ส/ยอนฮัพ/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก จากความผิดพลาดในการประกาศกฎอัยการศึกทำให้ประชาชนออกมาต่อต้าน ขณะที่ฝ่ายค้านเตรียมลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งในวันที่ 7 ธ.ค.
กระแสต่อต้านประธานาธิบดียุนเวลานี้ยังคงมาจากทุกทิศทุกทาง ตลอดวานนี้ยังคงผู้ประท้วงรวมตัวชุมนุมในกรุงโซลต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งผู้ประท้วงระบุว่า การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนเมื่อคืนวันที่ 3 ธันวาคม ได้สร้างความเสื่อมถอยให้กับประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้สูญเสียเสรีภาพทั้งของสื่อและประชาชน และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยขึ้นอีกในอนาคต
ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชาชนหรือพีพีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้จัดการประชุมสมาชิกสมัชชาแห่งชาติของพรรคช่วงเช้าวันที่ 6 ธ.ค. ฮัน ดง-ฮุน หัวหน้าพรรคแถลงหลังการประชุมว่า ประธานาธิบดียุนควรจะถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ให้เร็วที่สุดเพื่อปกป้องประเทศชาติและประชาชนในภาวการณ์เช่นนี้ และยังเปิดเผยด้วยว่า ยุนได้ออกคำสั่งให้จับกุมนักการเมืองจำนวนหนึ่งรวมถึงตัวนายฮันเอง ในระหว่างที่มีการประกาศกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพรรคพีพีพีไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องการถอดถอน หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่5 ธ.ค. ทางพรรคแจ้งว่า จะยกมือโหวตสวนญัตติของฝ่ายค้าน แต่สมาชิกสภาภายในพรรคมีความคิดเห็นต่างกัน บางคนบอกว่ายุนสมควรถูกถอดถอน แต่บางคนคัดค้าน
ด้านหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ปฏิเสธว่า ไม่ได้รับคำสั่งให้จับกุมนักการเมืองจากประธานาธิบดียุน ตามที่สมาชิกสภานิติบัญญัติในพรรครัฐบาลออกมาเปิดเผย และเจ้าหน้าที่ไม่ได้การดำเนินการใดๆ ตามที่เป็นข่าว ส่วน คิม ซอน-โฮ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีช่วยกลาโหมของเกาหลีใต้ แถลงขอโทษและขอแสดงความรับผิดชอบที่ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลและไม่พอใจ กรณีประธานาธิบดียุนประกาศกฎอัยการศึกเมื่อกลางดึกวันอังคาร พร้อมกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึกรอบใหม่ว่า เป็นเรื่องไม่จริงอย่างสิ้นเชิง และหากจะมีการประกาศรอบใหม่ เขาก็จะไม่ยอมปฏิบัติตามกฎอัยการศึกอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน เตรียมจะลงมติถอดถอนประธานาธิบดีในช่วงเย็นวันที่ 7 ธ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น การลงมติถอดถอนจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสมัชชาแห่งชาติอย่างน้อย 2 ใน 3 หรือ 201 เสียงจากทั้งหมด 300 เสียง ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องยากเพราะฝ่านค้านครองเสียงข้างมากในสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติแบบสภาเดียวมากถึง 192 เสียง หากมีสมาชิกสภาฝ่ายรัฐบาลออกเสียงสนับสนุนอีกเพียง 8 เสียง ญัตติถอดถอนนายยุนก็จะผ่านความเห็นชอบทันที หลังจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะทำหน้าที่ชี้ขาดอีกครั้ง
ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของแกลลัพโพลล์ ที่มีการเปิดเผยในวานนี้ พบว่า ความนิยมในตัวของนายยุนดิ่งลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือเพียงร้อยละ 13 เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี