มอสโก/ดามัสกัส (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรียและครอบครัว เดินทางถึงกรุงมอสโก โดยรัสเซียให้ลี้ภัยอยู่ในประเทศ หลังจากต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ช่วงที่กลุ่มกบฏบุกโจมตีเข้าถึงกรุงดามัสกัส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เว็บไซต์ ไฟลต์เรดาร์ รายงานว่าเครื่องบินทหารของรัสเซีย ขึ้นบินเดินทางออกจากเมืองท่าลาตาเกียของซีเรีย มุ่งหน้าไปยังกรุงมอสโก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ธ.ค. แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าใครอยู่บนเครื่องบินทหารของรัสเซียลำดังกล่าว ต่อมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำซีเรียและเดินทางออกนอกประเทศแล้ว หลังจากสั่งการให้มีการส่งผ่านอำนาจโดยสันติ ขณะที่สื่อรัสเซียรายงานอ้างแหล่งข่าวจากทำเนียบเครมลิน ว่า อัล-อัสซาด และสมาชิกครอบครัว เดินทางถึงกรุงมอสโกเมื่อวันอาทิตย์จริงและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยเข้าอยู่ในรัสเซียด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม เป็นการยืนยันว่า การปกครองซีเรียยาวนาน 24 ปีของ อัล-อัสซาดได้จบลงแล้ว และปิดฉากการปกครองของตระกูล อัล-อัสซาด ที่ดำเนินมานาน 50 ปี นับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ผู้เป็นบิดา
ขณะเดียวกัน ฝูงชนพากันเข้ารุมล้อมและต้อนรับ อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกองกำลัง ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม หรือเอชทีเอส แกนนำกลุ่มกบฏซีเรียที่นำกำลังบุกโจมตีเข้ายึดเมืองต่างๆ ทั่วซีเรีย รวมถึงกรุงดามัสกัสได้ภายในเวลาไม่นาน ขณะโกลานีเดินทางเข้าสู่มัสยิดกลาง อุมายยัด ในกรุงดามัสกัส หลังการล่มสลายของระบบการปกครองตระกูล อัล-อัสซาด ผู้นำของกลุ่มเอชทีเอส กล่าวภายในมัสยิดอูมายยัด ชี้ว่าชัยชนะของฝ่ายกบฏคือจุดเปลี่ยนของภูมิภาค และกล่าวหา อัล-อัสซาด ส่งมอบซีเรียให้กับความทะเยอทะยานของอิหร่าน เผยแพร่ระบอบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและการทุจริต ส่วนการเริ่มต้นตั้งรัฐบาลใหม่นั้น อัล-โกลานี ได้ประกาศให้นายกรัฐมนตรีคนเดิมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมา ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน
ส่วนชาวซีเรียจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ต้องทุกข์ทนกับการปกครองแบบสืบสายเลือดด้วยการกดขี่ ได้ออกมาเฉลิมฉลองกันตามท้องถนน หลังจาก
กองกำลังกบฏได้บุกยึดกรุงดามัสกัส ผู้คนรวมตัวกันทำลายรูปปั้นและรูปภาพของอัล-อัสซาด และ ฮาเฟซ อัล-อัลซาด บิดาของเขาที่ได้ครองอำนาจมานานกว่า 50 ปี แล้วโบกธงฝ่ายปฏิวัติ ชาวซีเรียมากมายพากันหลั่งน้ำตาเมื่อได้พบหน้ากับครอบครัวญาติมิตรอีกครั้งหลังจากที่ระบอบเผด็จการทำให้ต้องพลัดพรากกัน ผู้คนในซีเรียยังพากันเข้าไปภายในทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงดามัสกัส หลายคนเดินออกมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ข้าวของและทรัพย์สินต่างๆ เช่นเดียวกับธนาคารกลางของซีเรีย ที่มีฝูงชนจำนวนมากแห่กันเข้าไปขนเงินสดและทรัพย์สินต่างๆ ออกมาจำนวนมากด้วย ส่งผลให้กองกำลังเอชทีเอส ต้องส่งกองกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์และระบุด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ พร้อมประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานในกรุงดามัสกัส ตั้งแต่เวลา 16.00 น. คาดว่าจะมีผลบังคับไปจนถึง 05.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า หลังจากซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมานาน 13 ปี และอยู่ภายใต้การปกครองแบบเบ็ดเสร็จนานกว่าครึ่งศตวรรษของ บาชาร์ อัล-อัสซาด และบิดา กลุ่มกบฏได้ทำให้เขาต้องลาออกและหนีออกนอกประเทศ ระบอบอัสซาดได้ล่มสลายลงแล้ว ดังนั้น ในขณะที่ทุกคนกำลังสนใจว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไปในซีเรีย สหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในซีเรียในการใช้โอกาสนี้จัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ระบุ สหรัฐฯ จะสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย หากเกิดภัยคุกคามจากซีเรียในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ และจะสร้างความมั่นใจว่า กำลังทหารของสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่สกัดกั้นกลุ่มไอเอสในพื้นที่ทางตะวันออกของซีเรียจะได้รับการปกป้องให้ปลอดภัย รวมถึงจะยังคงเฝ้าระวัง เนื่องจากบางกลุ่มที่ร่วมอยู่ในกลุ่มกบฏมีประวัติก่อการร้ายและละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น สหรัฐฯ จะขอประเมินทั้งคำพูดและการกระทำของกลุ่มกบฏ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี