13 ธ.ค. 2567 สำนักข่าว Channel News Asia ของสิงคโปร์ รายงานข่าว Myanmar opium harvest drops for the first time since coup: UN ระบุว่า รายงานฉบับล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 พบว่า ปริมาณผลผลิตฝิ่นในเมียนมาลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารในปี 2564 อย่างไรก็ตาม เมียนมายังคงเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ฝิ่นเคยเติบโตอย่างงดงามในพื้นที่ชายแดนห่างไกลของเมียนมา ซึ่งกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงบรรดาองค์กรอาชญากรรม ได้แปรรูปฝิ่นเป็นเฮโรอีน ส่วนเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายก็เพิกเฉยต่อการค้ายาเสพติดที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเมื่อปี 2566 เมียนมากลายเป็นผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่ที่สุด โดยเก็บเกี่ยวฝิ่นได้ 1,080 ตัน แซงหน้าอัฟกานิสถานไปถึง 2 เท่า เนื่องจากรัฐบาลตาลีบันที่ปกครองอัฟกานิสถานปราบปรามการปลูกฝิ่น
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่า ในปี 2567 เมียนมาผลิตฝิ่นได้ 995 ตัน ซึ่ง อินชิก ซิม (Inshik Sim) เจ้าหน้าที่วิจัยของ UNODC กล่าวว่า มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างการเก็บเกี่ยวที่ลดลงและความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคที่มีการปลูกฝิ่นแบบดั้งเดิม พื้นที่บางส่วนในรัฐฉานทางตะวันออก ซึ่งผลิตพืชผลประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ทั้งหมด ได้เกิดการสู้รบในปีนี้ ซึ่งการสำรวจฝิ่นของเมียนมาประจำปี 2567 ระบุว่า ทำให้ผู้ปลูกจำนวนมากละทิ้งไร่ฝิ่นของตน
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ห่างไกล ฤดูมรสุมที่รุนแรง รวมถึงอุปทานส่วนเกินในตลาดเฮโรอีนในภูมิภาคและการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานยาในระดับโลก อย่างไรก็ตาม UNODC กล่าวว่าการเก็บเกี่ยวในปี 2567 ยังคงเป็นการเก็บเกี่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมียนมาในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาและยังเป็นแหล่งรายได้หลัก
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจของเมียนมาตกต่ำนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร โดยธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ในสัปดาห์นี้ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวร้อยละ 1 ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. 2568 ซึ่ง มาซูด คาริมปัวร์ (Masood Karimpour) ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะขยายตัวต่อไป เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานปรับตัวและวิธีการเพาะปลูกได้รับการปรับปรุง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวกับสื่อของรัฐในเดือน มิ.ย. 2567 ยอมรับว่าทางการเมียนมากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการควบคุมการปลูกฝิ่น ทั้งนี้ ตามข้อมูลของสหประชาชาติ นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้สถานการณ์สงครามกลางเมืองลุกลามไปทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม และทำให้ประชากรกว่า 3 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น
ขอบคุณเรื่องจาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี