14 ธ.ค. 2567 สื่อต่างประเทศรายงาน มีความเป็นไปได้ที่รัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ บาชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) อดีตประธานาธิบดีซีเรีย อาจกำลังเตรียมตัวถอนกำลังทหารและเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ออกจากซีเรีย หลังจากที่อัสซาดถูกโค่นอำนาจจากกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ที่เคลื่อนทัพเข้าสู่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน อัสซาดได้ขอลี้ภัยอยู่ในรัสเซีย
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Russia packing up military equipment at base in Syria, satellite images show อ้างถึงภาพถ่ายดาวเทียม ที่พบความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซีย เหมือนกำลังนำอาวุธยุทโธปกรณ์มารวมกันไว้ที่ฐานทัพอากาศ โดยภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2567 เผยให้เห็นเครื่องบินขนส่งรุ่น Antonov AN-124 อย่างน้อย 2 ลำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยส่วนหัวของเครื่องบินทั้งสองลำเปิดออกที่ฐานทัพอากาศ Hmeimim ในจังหวัดลาตาเกีย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งของซีเรีย
Maxar บริษัทเทคโนโลยีอวกาศชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าว บรรยายว่า เครื่องบินขนส่งหนัก An-124 จำนวน 2 ลำอยู่ที่สนามบิน โดยทั้งสองลำยกจมูกเครื่องบินขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะบรรทุกอุปกรณ์/สินค้า ขณะที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี Ka-52 กำลังถูกถอดประกอบและเตรียมพร้อมสำหรับการขนส่ง รวมถึงส่วนหนึ่งของระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ก็กำลังเตรียมออกเดินทางจากจุดประจำการก่อนหน้านี้ที่ฐานทัพอากาศเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฐานทัพเรือของรัสเซียที่ทาร์ตูส ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซ่อมแซมและเติมเสบียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักตั้งแต่ที่รายงานภาพเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567 โดยยังคงพบเห็นเรือฟริเกต 2 ลำนอกชายฝั่งทาร์ตูส ขณะที่สถานีโทรทัศน์ Channel4 ของอังกฤษ รายงานว่า มีขบวนรถทหารรัสเซียกว่า 150 คันเคลื่อนตัวไปตามถนน โดยกองทัพรัสเซียสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างปลอดภัย และดูเหมือนว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อให้รัสเซียสามารถถอนกำลังออกจากซีเรียได้อย่างเป็นระเบียบ
ในเบื้องต้น ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ทั้งนี้ รัสเซียสนับสนุนซีเรียมาตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามเย็น โดยยอมรับเอกราชในปี 2487 ขณะที่ซีเรียพยายามโค่นล้มการปกครองแบบอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ชาติตะวันตกมองซีเรียว่าเป็นบริวารของสหภาพโซเวียต (หรือรัสเซีย) มาช้านาน อนึ่ง รัฐบาลรัสเซียได้ระบุว่า หลังหมดยุคการปกครองของอัสซาด รัสเซียก็เน้นให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยฐานทัพในซีเรียและภารกิจทางการทูต
มุมมองทั่วไปของฐานทัพเรือรัสเซียในเขตชายฝั่งทาร์ตูสของซีเรีย วันที่ 14 ธ.ค. 2567 (รอยเตอร์)
ในเวลาต่อมา สำนักข่าวรอยเตอร์ ยังรายงานข่าว Exclusive: Russia pulling back but not out of Syria, sources say เพิ่มเติม โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ซีเรีย 4 คน ที่ระบุว่า รัสเซียกำลังถอนกำลังทหารออกจากแนวหน้าในซีเรียตอนเหนือและจากฐานทัพในเทือกเขาอลาวี แต่ยังคงไม่ย้ายฐานทัพหลักสองแห่งในประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ความมมั่นคงของซีเรียที่อยู่นอกฐานทัพ Hmeimim กล่าวว่า มีเครื่องบินขนส่งอย่างน้อย 1 ลำได้บินออกไปยังลิเบีย
แหล่งข่าวความมั่นคงและทหารซีเรียที่ติดต่อกับรัสเซีย ให้ข้อมูลว่า รัสเซียกำลังถอนกำลังออกจากแนวหน้า และถอนอุปกรณ์หนักและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีเรียบางส่วนออกไป ถึงกระนั้น รัสเซียยังไม่ได้ถอนกำลังออกจากฐานทัพหลักทั้งสองแห่ง และขณะนี้ยังไม่มีเจตนาที่จะถอนกำลังออกไป เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพซีเรียซึ่งติดต่อกับกองทัพรัสเซียในซีเรีย ให้ข้อมูลว่า อุปกรณ์บางส่วนกำลังถูกส่งกลับไปยังรัสเซีย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพซีเรียด้วย แต่เป้าหมายในระยะนี้คือการรวบรวมกำลังและเคลื่อนกำลังใหม่ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายต่อต้านที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรักษาการชุดใหม่ ให้ข้อมูลว่า ประเด็นเรื่องกองกำลังทหารรัสเซียในซีเรีย และข้อตกลงที่ผ่านมาระหว่างรัฐบาลอัสซาดกับรัสเซียยังไม่ได้รับการหารือ เป็นเรื่องของการเจรจาในอนาคตและประชาชนซีเรียจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ซึ่งทางรัสเซียได้จัดตั้งช่องทางการสื่อสารแล้ว ทั้งนี้ กองกำลังของฝ่ายต่อต้านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงฐานทัพของรัสเซียในลาตาเกีย แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้
ขณะที่แหล่งข่าวจากรัสเซียซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ ให้ข้อมูลว่า การหารือกับผู้ปกครองซีเรียคนใหม่ยังคงดำเนินต่อไป และรัสเซียไม่ได้ถอนตัวจากฐานทัพ ทั้งนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถระบุได้ในทันทีว่าผู้นำกองกำลังฝ่ายต่อต้าน อาหมัด อัลชารา (Ahmad al-Sharaa) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ อาบู โมฮัมเหม็ด อัลโกลานี (Abu Mohammed al-Golani) มองอนาคตระยะยาวของฐานทัพรัสเซียอย่างไร
ฐานทัพในซีเรียเป็นส่วนสำคัญของกองกำลังทหารของรัสเซียทั่วโลก ฐานทัพเรือทาร์ตูสเป็นศูนย์กลางการซ่อมแซมและจัดหาเสบียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยที่ Hmeimim เป็นจุดพักรบหลักสำหรับกิจกรรมของทหารและนักรบรับจ้างในแอฟริกา รัสเซียยังมีจุดดักฟังในซีเรียซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับสถานีส่งสัญญาณของซีเรีย ตามข้อมูลของแหล่งข่าวกรองของกองทัพซีเรียและชาติตะวันตก ทาร์ตูสเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2514 และหลังจากที่เข้าแทรกแซงในสงครามกลางเมืองซีเรียเพื่อช่วยเหลืออัสซาด ในปี 2560 รัสเซียก็ได้รับสัญญาเช่าพื้นที่ 49 ปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โยรุก อิซิก (Yoruk Isik) นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ประจำอิสตันบูลและเจ้าของ Bosphorus Observer กล่าวว่า รัสเซียน่าจะส่งเครื่องบินขนส่งสินค้าออกจากซีเรียผ่านคอเคซัส จากนั้นจึงส่งต่อไปยังฐานทัพอากาศอัลคาดิมในลิเบีย ขณะที่ผู้สื่อข่าวภาคสนามของรอยเตอร์ เล่าว่า บนทางหลวงที่เชื่อมระหว่างฐานทัพอากาศ Hmeimim กับฐานทัพในทาร์ตูส สามารถมองเห็นขบวนรถรบทหารราบและรถขนส่งของรัสเซียกำลังขับมุ่งหน้าสู่ฐานทัพอากาศ ขบวนรถดังกล่าวหยุดลงเนื่องจากรถของกองทัพคันหนึ่งขัดข้อง โดยทหารยืนอยู่ข้างรถและกำลังซ่อมแซม
อาลี ฮัลลูม (Ali Halloum) ชาวซีเรียซึ่งมาจากลาตาเกียและอาศัยอยู่ในจาบลาห์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อิหร่าน หรือรัฐบาลชุดก่อน ที่กดขี่ประชาชน จึงไม่ต้องการการแทรกแซงจากรัสเซีย อิหร่าน หรือชาติใดๆ อีก ขณะที่ฐานทัพ Hmeimim ผู้สื่อข่าวมองเห็นทหารรัสเซียเดินไปมาในฐานทัพตามปกติ และมีเครื่องบินอยู่ในโรงเก็บเครื่องบิน โดยภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 โดย Planet Labs เผยให้เห็นว่าเรืออย่างน้อย 3 ลำในกองเรือเมดิเตอร์เรเนียนของรัสเซีย เป็นเรือฟริเกตติดขีปนาวุธนำวิถี 2 ลำ และเรือบรรทุกน้ำมัน 1 ลำ -จอดอยู่ห่างจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะทาร์ตูสไปประมาณ 13 กิโลเมตร (8 ไมล์)
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.reuters.com/world/russia-pulling-back-not-out-syria-sources-say-2024-12-14/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี