30 ธ.ค. 2567 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ รายงานข่าว Jimmy Carter, former US president, dies aged 100 ระบุว่า จิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจัดงานวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 100 ปี เมื่อเดือน ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 ที่บ้านพักในเมืองเพลนส์ มลรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ ตามการเปิดเผยของศูนย์คาร์เตอร์ (The Carter Center) องค์กรไม่แสวงผลกำไรซึ่งอดีต ปธน. คาร์เตอร์ ได้ก่อตั้งขึ้นและมีบทบาทในการสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
อดีตนายทหารยศเรือโทที่ลาออกจากกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อกลับไปดูแลกิจการไร่ถั่วลิสงของครอบครัว ก่อนผันตัวมาสู่แวดวงการเมือง ได้เป็นผู้ว่าการรัฐจอร์เจียและก้าวมาถึงจุดสูงสุดในฐานะผู้นำประเทศผู้นี้ มีอายุยืนยาวกว่าประธานาธิบดีคนใดในประวัติศาสตร์ คาร์เตอร์ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2520-2524 ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯ เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจและการทูต แต่หมดวาระไปด้วยคะแนนนิยมที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของคาร์เตอร์ได้รับการฟื้นคืนด้วยการทำงานด้านมนุษยธรรม ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
โรซาลินน์ (Rosalynn) ภรรยาของอดีต ปธน.คาร์เตอร์ ซึ่งใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานถึง 77 ปี เสียชีวิตไปก่อนหน้าในเดือน พ.ย. 2566 ขณะที่ในแถลงการณ์ของ ชิป คาร์เตอร์ (Chip Carter) บุตรชาย ถึงบิดาผู้ล่วงลับ ได้กล่าวว่า พ่อของตนเป็นฮีโร่ ไม่ใช่แค่สำหรับตนเท่านั้น แต่สำหรับทุกๆ คนที่เชื่อในสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว โลกนี้เป็นเหมือนครอบครัวของเรา เพราะพ่อได้นำผู้คนมารวมกัน และเราขอขอบคุณที่คุณได้เชิดชูความทรงจำของเขาด้วยการดำเนินชีวิตตามความเชื่อที่เหมือนกันนี้ต่อไป
การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของคาร์เตอร์จะถูกจดจำจากความพยายามอย่างหนักในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงและความท้าทายด้านนโยบายต่างประเทศหลายประการ รวมถึงวิกฤตการณ์ตัวประกันอิหร่านซึ่งจบลงด้วยการเสียชีวิตของชาวอเมริกัน 8 คน อย่างไรก็ตาม นโยบายต่างประเทศประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในตะวันออกกลางเมื่อเขาช่วยเป็นตัวกลางในการบรรลุข้อตกลงระหว่างอียิปต์และอิสราเอล ซึ่งลงนามที่แคมป์เดวิดในสหรัฐฯ ในปี 2521
แต่ดูเหมือนว่าความทรงจำนั้นจะเลือนรางไปในอีก 2 ปีต่อมา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2523 ชาวอเมริกันหันไปเทคะแนนให้ โรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) จากพรรครีพับลิกันอย่างล้นหลาม โดยเรแกนมองว่าคาร์เตอร์เป็นผู้นำที่อ่อนแอ ไม่สามารถรับมือกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ได้ ในครั้งนั้นมีพื้นที่ที่คาร์เตอร์ชนะเพียง 6 มลรัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
หลังจากความพ่ายแพ้ดังกล่าว คาร์เตอร์มักถูกพรรครีพับลิกันยกมาเป็นตัวอย่างของความไร้ความสามารถของพวกเสรีนิยม ในขณะเดียวกัน หลายคนในพรรคของเขาเองก็เพิกเฉยต่อเขา หรือมองว่าข้อบกพร่องในการเป็นประธานาธิบดีของเขาเป็นหลักฐานว่าการเมืองหรือแนวนโยบายของพรรคเดโมแครตเป็นวิธีที่ดีกว่า และจนถึงปัจจุบัน หลายคนในฝ่ายขวายังคงดูถูกเหยียดหยามยุคสมัยของคาร์เตอร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายทศวรรษ ความพยายามด้านมนุษยธรรมและวิถีชีวิตเรียบง่ายของเขาก็เริ่มหล่อหลอมมรดกชิ้นใหม่ให้กับชาวอเมริกันหลายคน
หลังจากออกจากทำเนียบขาว คาร์เตอร์กลายเป็นอดีตผู้นำสหรัฐฯ คนแรกและคนเดียวที่กลับมาใช้ชีวิตในบ้านที่ตนเองเคยอาศัยอยู่ก่อนจะเข้าสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นบ้านสไตล์แรนช์ที่มีห้องนอนสองห้อง คาร์เตอร์เลือกที่จะไม่ทำตามคำปราศรัยหลังอาหารอันแสนหรูหราและข้อตกลงด้านการจัดพิมพ์ที่อดีตประธานาธิบดีส่วนใหญ่รอคอยอยู่ โดยบอกกับวอชิงตันโพสต์ในปี 2561 ว่าเขาไม่เคยต้องการร่ำรวยเลย นอกจากนั้น คาร์เตอร์ยังใช้เวลาในช่วงบั้นปลายของชีวิตเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและโรคภัยไข้เจ็บทั่วโลก
จิมมี คาร์เตอร์ ยังร่วมมือกับ เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ก่อตั้งกลุ่ม The Elders ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อสันติภาพและสิทธิมนุษยชน ในการรับรางวัลโนเบลเมื่อปี 2545 ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียง 3 คนที่ได้รับรางวัลนี้ คาร์เตอร์กล่าวว่า ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดและเป็นสากลคือช่องว่างที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างคนรวยที่สุดและคนจนที่สุดในโลก
บรรดาผู้นำสหรัฐฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ต่างร่วมกล่าวไว้อาลัยหลังทราบข่าว อาทิ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า ความท้าทายที่จิมมีเผชิญในฐานะประธานาธิบดีนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของประเทศของเรา และเขาทำทุกวิถีทางเพื่อปรับปรุงชีวิตของชาวอเมริกัน ดังนั้นเราทุกคนเป็นหนี้บุญคุณเขาในเรื่องนี้ , อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W Bush) กล่าวว่า คาร์เตอร์ทำให้ตำแหน่งนี้มีความสง่างาม และความพยายามของเขาที่จะสร้างโลกที่ดีขึ้นไว้เบื้องหลังนั้นไม่ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับตำแหน่งประธานาธิบดี ,
อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน (Bill Clinton) และอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) กล่าวว่า อดีต ปธน.คาร์เตอร์ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อโลกที่ดีกว่าและยุติธรรมกว่า คาร์เตอร์ใช้ชีวิตด้วยศรัทธาเพื่อรับใช้ผู้อื่นจนกระทั่งวาระสุดท้าย , อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา (Barack Obama) ยกย่องความเหมาะสม ของคาร์เตอร์ และกล่าวว่า คาร์เตอร์สอนให้เราทุกคนรู้ว่าการใช้ชีวิตอย่างสง่างาม มีศักดิ์ศรี ยุติธรรม และรับใช้ผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร ,
โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน (Jill Biden) กล่าวว่า โลกได้สูญเสียผู้นำ นักการเมือง และผู้ใจบุญที่ไม่ธรรมดาไปคนหนึ่ง ซึ่งอดีต ปธน.คาร์เตอร์ เป็นเพื่อนที่ดีและผู้ชายที่มีหลักการ ศรัทธา และความอ่อนน้อมถ่อมตน เขาแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ เพราะเราเป็นคนดี มีคุณธรรมและมีเกียรติ กล้าหาญและมีเมตตา อ่อนน้อมถ่อมตนและเข้มแข็ง
ขอบคุณเรื่องจาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี