วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส)-หลายฝ่ายออกมาแสดงความไว้อาลัย หลังจากจิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2002 ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบที่บ้านในรัฐจอร์เจีย ในวัย 100 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค.

จิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 39 ของสหรัฐฯ ถึงแก่อสัญกรรมลงอย่างสงบที่บ้านพักในเมืองเพลนส์รัฐจอร์เจีย ในวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น(29 ธ.ค.) ขณะอายุได้ 100 ปี หลังจากต้องรักษาตัวแบบประคับประคองอยู่ที่บ้านพักมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และเพิ่งจะฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 100 ปี ไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่เขาจำนวนมาก

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวแสดงความชื่นชมว่าคาร์เตอร์ใช้ชีวิตแบบที่ไม่ได้วัดด้วยคำพูดแต่พิสูจน์ได้จากการกระทำ และยกย่องคาร์เตอร์ว่าเป็นผู้นำคนพิเศษ เป็นทั้งรัฐบุรุษและนักสิทธิมนุษยชน ด้านบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดี โพสต์ข้อความลงใน X ยกย่องคาร์เตอร์ว่าเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อทำให้โลกดีขึ้นและมีความยุติธรรมมากขึ้น ซึ่งตัวเขาและนางฮิลลารีต่างรู้สึกอาลัยต่อการจากไปของคาร์เตอร์ ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ออกมาแสดงความไว้อาลัยแก่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้เช่นกัน ระบุว่า คาร์เตอร์ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างสมัยที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และเขาก็ได้ทำทุกทางที่ช่วยให้ชีวิตของชาวอเมริกันดีขึ้น ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงเป็นหนี้บุญคุณเขา

โดยรัฐบาลสหรัฐฯ มีการลดธงลงครึ่งเสาตามสถานที่ของทางการรวมทั้งที่ทำเนียบขาวและอาคารรัฐสภาเพื่อไว้อาลัยแก่คาร์เตอร์ ขณะที่บรรดาชาวอเมริกันจำนวนมากต่างก็แห่นำดอกไม้ไปร่วมแสดงความไว้อาลัยแก่การจากไปของอดีตประธานาธิบดีคาร์เตอร์ ที่ศูนย์คาร์เตอร์ ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่คาร์เตอร์ก่อตั้ง
ขึ้นเมื่อปี 1982 โดยมีจุดประสงค์หลักๆ ก็เพื่อส่งเสริมสันติภาพและแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงปกป้องสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมประชาธิปไตย

คาร์เตอร์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 1 สมัย ระหว่างเดือนมกราคม 2520-มกราคม 2524 แม้ว่าในด้านการบริหารประเทศจะถูกมองว่าล้มเหลว แต่หลังพ้นจากตำแหน่งแล้ว คาร์เตอร์ยังคงมีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะการทุ่มความพยายามแก้ปัญหาขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก บทบาทสำคัญในระหว่างดำรงตำแหน่ง คือการเป็นคนกลางเจรจาสันติภาพระหว่างผู้นำของอิสราเอลและอียิปต์เมื่อปี 2521 และการช่วยเหลือนักการทูตสหรัฐฯ 52 คน ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในอิหร่านนานถึง 444 วัน ตั้งแต่ปี 2522 อีกทั้งในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ยังเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ คืนสิทธิในการควบคุมอธิปไตยคลองปานามา ให้แก่รัฐบาลปานามาอีกด้วย ความทุ่มเททำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอด ทำให้คาร์เตอร์ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพเมื่อปี 2545