เกาหลีใต้ไว้อาลัย 7 วัน
‘เจจูแอร์’ไถลรันเวย์สยอง 179 ศพ
เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์หา 2 สาวไทย
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ 7 วัน ให้เหยื่อผู้เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารสายการบินเจจูแอร์ ไถลชนรั้วกั้นรันเวย์ ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 179 ศพ รอด 2 คน ส่วน2 ผู้โดยสารหญิงไทย 2 คนไม่รอดเจ้าหน้าที่กู้กล่องดำของเครื่องบินได้สำเร็จ ส่งตรวจสอบหาสาเหตุ
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จัดประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในกรุงโซล หลังลงพื้นที่ตรวจสอบภารกิจกู้ภัยและอำนวยความช่วยเหลือด้านต่างๆที่จำเป็น จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่เมืองมูอัน พร้อมแถลงแสดงความเสียใจในนามรัฐบาล และร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวผู้สูญเสีย โดยประกาศไว้อาลัยแห่งชาติทั่วประเทศนาน 7 วัน เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถึงเวลาเที่ยงคืนวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568
พร้อมกันนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ยังประกาศให้พื้นที่เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารสายการบิน เชจู แอร์ ตกขณะลงจอดที่สนามบินเมืองมู่อัน จังหวัดช็อลลาใต้ เป็นเขตภัยพิบัติพิเศษ เพื่อระดมทรัพยากรจากส่วนกลางลงไปช่วยภารกิจกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมทางอากาศยานครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศครั้งนี้
ขณะที่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายร้อยนายปฏิบัติภารกิจกู้ภัยต่อเนื่องมาตลอดคืน เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุเครื่องบินตก โดยสามารถเก็บกู้กล่องดำทั้งสองกล่องของเครื่องบินคือกล่องบันทึกข้อมูลการบิน และกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบินได้แล้ว พร้อมส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาสาเหตุของเครื่องบินตกต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกฝ่ายก็กำลังเร่งตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิต ที่ขณะนี้พิสูจน์ทราบได้แล้ว 141 คน
สำหรับรายละเอียดของผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้มีทั้งหมด 175 คน เป็นชาวเกาหลีใต้ 173 คน ชาวไทย 2 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 82 คน หญิง 93 อายุมากสุด 78 ปี อายุน้อยสุด 3 ขวบ มีเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีบนเครื่อง 5 คน ผู้โดยสารส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเดินทางกลับเกาหลีใต้ หลังเดินทางมาท่องเที่ยวช่วงเทศกาลคริสต์มาสในประเทศไทยนาน 5 วัน เป็นการเดินทางมากับบริษัทท่องเที่ยวที่จำหน่ายแพ็กเกจทัวร์ดังกล่าว และเช่าเหมาลำเครื่องบินลำนี้ อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด ส่วนลูกเรือ 6 คนนั้น เสียชีวิต 4 คน มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรอดชีวิต 2 คน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงโซล
ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างเจ้าหน้าที่สืบสวนเผยว่า ให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยสภาพอากาศเลวร้ายและเครื่องบินพุ่งชนนกระหว่างเตรียมลงจอด ส่งผลให้ระบบสำหรับช่วยลงจอดของเครื่องบินขัดข้อง ล้อหน้าไม่กางออกขณะเครื่องบินร่อนลงจอด ทำให้ต้องใช้ลำตัวเครื่องไถลไปบนรันเวย์ รวมถึงหอบังคับการบินแจ้งเตือนว่าเครื่องบินพุ่งชนฝูงนก จนนักบินต้องประกาศเหตุฉุกเฉินก่อนนำเครื่องบินลงจอด สอดคล้องกับข้อมูลที่พบว่า เครื่องบินที่ลงจอดยังสนามบินเมืองมูอันแห่งนี้ เผชิญเหตุชนนกมากที่สุดเมื่อเทียบกับสนามบินอื่นในเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนชี้ว่า ควรสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะเหตุเครื่องบินชนนกอย่างเดียวไม่น่าทำให้ล้อหน้าที่ต้องกางออกตอนลงจอดขัดข้องพร้อมกันถึง 3 จุด อีกทั้งเมื่อพิจารณาคลิปขณะเครื่องบินลงจอดก่อนไถลไปกระแทกรั้วกั้นคอนกรีต พบว่าเครื่องบินพุ่งไถลด้วยความเร็วสูงผิดปกติ ซึ่งอาจมาจากระบบช่วยลดความเร็วเครื่องยนต์ หรือ Thrust Reverser และปีกสร้างแรงยก หรือ Wing Flaps ไม่ทำงานหรือเกิดขัดข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตครั้งแรกของสายการบิน เจจู แอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของเกาหลีใต้ ที่ตั้งขึ้นในปี 2548 และยังเป็นอุบัติเหตุสายการบินครั้งร้ายแรงที่สุดของเกาหลีใต้นับจากปี 2540 ที่เครื่องบินของสายการบิน โคเรียน แอร์ ตกที่กวม ดินแดนของสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิต 229 คน รวมถึงเป็นเหตุภัยพิบัติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเกาหลีใต้ นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมเรือเซวอลอับปางในปี 2557 ที่มีผู้เสียชีวิต 304 คน
สำนักข่าวยอนฮับยังรายงานด้วยว่าว่า นายโช แท-ย็อล (Cho Tae-yul) รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แสดงความเสียใจต่อเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุเครื่องบินตกที่สนามบินนานาชาติมูอัน โดยนายโช โพสต์เขียนข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า เหตุการณ์เครื่องบินตกที่สนามบินนานาชาติมูอัน ทำให้เขารู้สึกตกใจและเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต้องสะเทือนใจเมื่อทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนไทยที่อยู่บนเครื่องด้วย 2 ราย
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ แถลงที่เมืองมูอันว่า หอบังคับการบินแจ้งเตือนนักบินเกี่ยวกับอันตรายจากนก และเวลา 8.59 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 06.59 น.ตามเวลาในประเทศไทย นักบินรายงานหอบังคับการบินเรื่องบินชนนกและประกาศว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังสอบสวนเกี่ยวกับเหตุแวดล้อมอื่น ที่มีผลกับโศกนาฎกรรมครั้งนี้
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล Royal Thai Embassy, Seoul โพสต์ข้อความระบุว่า สอท. ณ กรุงโซล ขอลดธงครึ่งเสาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติฯ พ.ศ. 2529 เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่ผู้สูญเสียและครอบครัวในเหตุการณ์อุบัติเหตุของสายการบิน Jeju Air เที่ยวบินที่ JC 2216 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม เป็นเวลา 7 วันตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2568
สำนักข่าวยอนฮับรายงานด้วยว่า วันนี้ (30 ธันวาคม)เกิดเหตุระทึกขึ้นกับเที่ยวบิน 7ซี101 ของสายการบินเจจู แอร์อีกครั้ง เป็นเที่ยวบินออกจากสนามบินนานาชาติกิมโป ในกรุงโซล มุ่งหน้าสนามบินเมืองเชจู บนเกาะเชจู พร้อมผู้โดยสารบนเครื่อง 161 คน เมื่อเวลา 06.37 น.วันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น แต่ตรวจพบปัญหาที่ระบบล้อ ซึ่งสายการบินเจจู แอร์แจ้งปัญหาที่พบต่อผู้โดยสาร และนำเครื่องบินวกกลับไปลงจอดที่สนามบินนานาชาติกิมโป เวลา 07.25น. และเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ก่อนเดินทางต่อ ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นจุดเดียวกับเครื่องบินเที่ยวบิน 7ซี2216 ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุไป ทำให้มีผู้เสียชีวิต 179 คน ทั้งนี้ เที่ยวบิน 7ซี101 ที่พบปัญหาที่ระบบล้อ เป็นเครื่องบินรุ่นเดียวกับลำที่ประสบเหตุที่เมืองมูอัน คือ โบอิ้ง บี737-800 แบบ2เครื่องยนต์ ซึ่งสายการบิน เชจู แอร์ ใช้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวอยู่ 39 ลำจากฝูงบินโดยสารที่มีทั้งหมด 41 ลำ
ที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ นายธีรภัทร จะอื่อ อายุ 37 ปี น้าชายของน.ส.ศศิธร จะอื่อ หรือ น้องเหมย อายุ 22 ปี หนึ่งในสองคนไทยที่เดินทางไปกับสายการบินเจจูแอร์ ที่ประสบอุบัติเหตุไถลชนรั้วรันเวย์สนามบินมูอัน เดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อติดตามการค้นหาร่างของน้องเหมย โดยเผยว่า แม่น้องเหมย ซึ่งเป็นพี่สาวของตนโทรมาบอกว่าเครื่องบินที่น้องเหมยเดินทางเกิดอุบัติเหตุ แต่ตนไม่คิดว่าจะร้ายแรงแบบนี้ เหตุที่น้องเหมยเดินทางไปนั้น เพราะว่าปิดเทอมจึงเดินทางไปหาแม่ที่เกาหลี ซึ่งแม่น้องเหมยทำงานและมีแฟนอยู่ที่เกาหลี ส่วนเรื่องร่างน้องเหมย ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก ประกอบกับร่างของน้องเหมยยังหาไม่พบ ต้องรอตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันอีกครั้ง ก่อนให้แม่น้องเหมยตัดสินใจว่าทำพิธีเสร็จแล้วให้นำกลับมาแบบไหน หรือให้ฝังที่นั่นเลย เพราะแม่น้องเหมยก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี