2 มกราคม 2568 จากกรณีที่นางเอกดาวรุ่งจีนชื่อดัง 'จ้าวลู่ซือ' (Zhao Lusi)ที่โด่งดังมาจากซีรีส์หลายต่อหลายเรื่อง อาทิเช่น Hidden Love , ดาราจักรรักลำนำใจ , ศิษย์สาวป่วนสำนัก เป็นต้น หลังจากที่ทางโซเชียลทั่วโลกปรากฎภาพของเธอที่กำลังนั่งบนรถเข็นเผชิญอาการป่วยหนัก (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แฟนๆทั่วโลกส่งกำลังใจ! ดาราจีนชื่อดัง'จ้าวลู่ซือ'ติดเชื้อไข้หวัดรุนแรง จนเกิดภาวะ'อะเฟเซีย')
ต่อมาทางทีมงาน รวมถึงคนใกล้ชิดได้ออกมาเปิดเผยว่า โรคที่นางเอกดาวรุ่งแห่งยุคกำลังเผชิญอยู่นั้น คือการที่เธอได้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดรุนแรง จนเกิดภาวะ 'อะเฟเซีย' (Aphasia) หรือ ภาวะสูญเสียความสามารถในการพูดสื่อสาร โดยอ้างแพทย์ว่า ภาวะอะเฟเซียไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่เกิดได้จากการเป็นหวัดรุนแรง หากวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เธอจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็มีแฟนๆ ทั่วโลกส่งกำลังใจให้เธฮเป็นอย่างมาก
ล่าสุดนางเอกดัง 'จ้าวลู่ซือ' ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้วครั้งแรกหลังจากที่เธอป่วยหนักผ่านทางช่องทางโซเชียลส่วนตัว 'weibo' โดยเธอบอกว่า "การตอบกลับครั้งแรก และครั้งสุดท้ายต่อเหตุการณ์ล่าสุด ขอโทษที่ใช้พื้นที่สาธารณะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยปล่อยให้ความเจ็บป่วยของฉันส่งผลกระทบต่อการทำงาน หรือคนรอบข้างฉันยังยอมรับปัญหาของตัวเองด้วยเนื่องจากฉันมักจะอดทน"
"ดังนั้นในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉันจึงตระหนักได้ว่าฉันไม่ได้ใจกว้างและให้อภัยจากใจอย่างที่คิด ฉันจึงต้องรับผิดชอบด้วยอาชีพการงานของฉัน ทำให้ฉันได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนมากกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้"
"ฉันรู้สึกขอบคุณและโชคดีจริงๆสิ่งนี้ช่วยให้ฉันเข้าใจ ความเข้าใจผิดทั้งหมดฉันสนับสนุนสิทธิของทุกคนในการเลือกอาชีพที่ต้องการ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์ที่นำมาซึ่งความทุกข์ และความ เหนื่อยล้า คุณสามารถหยุดได้ทุกเมื่อคุณจะเป็นอิสระ และคุณสามารถกล้าหาญได้"
"ฉันเข้าใจด้วยว่าทุกคนต้องเผชิญกับความคับข้องใจ และความอยุติธรรม ฉันได้ยินเรื่องราวที่น่ากลัวมากเกินไป เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือ และผู้ที่ทำร้าย ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด อายุเท่าไหร่ หรือเพศไหน ถือเป็นสิ่งที่ผิด"
"การบังคับให้ใครสักคนเปิดบาดแผลของตนเองอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า "ไม่ได้คิดมากเกินไป" "ไม่ได้อ่อนแอ" หรือ "ไม่ได้ไม่พอใจ" เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินความรุนแรงของบาดแผลทางจิตใจของใครคนใดคนหนึ่งได้ นอกจากแพทย์เท่านั้น หรือตัดสินว่า อาการนั้นเข้าข่ายอาการป่วยหรือไม่"
"ในปี 2019 ฉันประสบกับภาวะซึมเศร้า ผู้คนต่างบอกกับฉันว่า "อย่าคิดมาก เกินไป" หรือ "ถ้าคุณคิดบวกทุกอย่างจะดีขึ้น" ฉันยังคิดว่าตัวเองเป็นคนดราม่า และอ่อนไหวเกินไปและไม่ได้ใส่ใจสุขภาพจิตของตัวเองอย่างจริงจัง"
"ในปี 2021 ฉันรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่อยู่บนตัวฉัน เหมือนกับมีเข็มทิ่มแทงฉัน พร้อมกับอาการแพ้หลังจากไปพบแพทย์รับยา และฉีดยาอาการต่างๆก็ไม่ดีขึ้น ฉันจึงไปพบนักจิตวิทยา เพื่อช่วยบรรเทาความวิตกกังวล"
"ในปี2023 ฉันประสบกับโรคปอดบวมถุงลมโป่งพองโรคผิวหนังอักเสบโรคลมพิษ เหงื่อออกตอนกลางคืนสูญเสียการได้ยินจากเส้นประสาท และการสูญเสียคนที่รัก และข่าวโรคมะเร็งที่เกิดกับสมาชิกในครอบครัวเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ บดบังอารมณ์ของฉัน และฉันยังคงละเลยสุขภาพของตัวเองต่อไป"
"ในปี 2024 ฉันเริ่มอาเจียนบ่อยเวียนหัวปวดข้อปวดคอและมีอาการทางกายอื่นๆ ที่ชัดเจนรวมถึงอาการแพ้ที่แย่ลงฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงปกติของยาที่ออกฤทธิ์ต่ออาการแพ้"
"ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กผู้คนเรียกฉันว่า "หน้าตาดี" แต่ไร้ประโยชน์ ในระหว่างที่เรียนพิเศษนอกหลักสูตรฉันถูกตีในหอพักของครู ตอนนั้นฉันคิดว่าการถูกลงโทษ เพราะเรียนไม่เก่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ฉันไม่กล้าพูดออกมา เพราะฉันถูกสอนให้ "ค้นหาปัญหาภายในตัวเองอยู่เสมอ"
"เมื่อฉันโตขึ้นฉันถูกตีอีกครั้ง เพราะไม่ได้รับบทบาทในการแสดงฉันคิดว่า เป็นความผิดของฉันเอง ฉันจึงไม่กล้าทำเรื่องใหญ่โต ฉันแค่อยากหนีฉันเคยชินกับการจัดการ ปัญหาด้วยตัวเอง และไม่มีนิสัยชอบหาความช่วยเหลือ ต่อมาเมื่องานของฉันได้รับการยอมรับ ฉันจึงกล้าที่จะบอกลากับคนที่ทำร้ายฉัน ในท้ายที่สุดคนๆนั้นก็เรียกร้อง "ค่ายกเลิกสัญญา" จำนวนมากก่อนที่พวกเขาจะ ยอมหยุดพฤติกรรมหลอกลวงของพวกเขา ตามมาด้วยการใส่ร้ายฉันนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งภายในและภายนอกวงการความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นความเสียหายไม่เคยหลุดลง"
"ฉันเข้าใจว่า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการทุกอย่าง และไม่สามารถเรียกร้องให้เพื่อน ครอบครัว หรือบริษัทสมบูรณ์แบบได้ความจริงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ทำร้ายฉัน และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องฉันนั้นก็มากเกินพอแล้ว"
"ฉันไม่เคยพูดถึงอาการป่วยของฉันมาก่อน เพราะฉันไม่อยากให้มันกลายเป็น สิ่งที่เรียกว่า กระแสฮือฮา แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ฉันจึงอยากแบ่งปันเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจมากขึ้น ถึงคนที่เข้าใจฉัน : ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปว่า คุณจะถูก "เข้าใจ" จริงๆหรือไม่ สิ่งสำคัญคือการหลุดพ้นจากวัฏจักรที่ไม่มีวันจบสิ้นของการพิสูจน์ตัวเองและค้นหาวิธีช่วยเหลือตัวเอง"
"การเข้าใจสุขภาพจิต และให้ความสำคัญกับการบำบัดทางจิตวิทยาเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง ความเสียใจเป็นอารมณ์ที่ไร้ประโยชน์ให้มองว่านี่เป็น "ช่วงเวลาพิเศษ" ที่จะพลิกกลับความขัดแย้งภายในและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ห่วงใยเพราะความรักฉันจึงได้มีชีวิตอีกครั้ง ขอให้ทุกคนสุขสันต์ในปีใหม่และมีความสุขทุกวัน"
ทั้งนี้หลังจากที่เธอได้โพสต์ข้อความนี้ออกไปแล้วนั้น เธอยังได้โพสต์ภาพตัวเองพร้อมใบวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ โดยขณะนี้กำลังป่วยเป็น "Conversion disorder" คือ ภาวะที่ปัญหาสุขภาพจิตมาขัดขวางการทำงานของสมอง ส่งผลให้เกิดอาการทางกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาการชัก อ่อนแรงหรืออัมพาต หรือ การรับรู้ทางประสาทสัมผัสลดลง (การมองเห็น การได้ยิน เป็นต้น) ภาวะนี้มักรักษาได้ด้วยการบำบัดหลายประเภท
พร้อมทั้งโพสต์ ค่า BMI < 18.5 ระบุว่ามีภาวะทุพโภชนาการ แนะนำให้ส่งตัวไปที่แผนกโภชนาการ , ให้การบำบัดวิตกกังวล: 10 ครั้ง , ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา: 10 ครั้ง , ให้รับประทานอาหารเป็นประจำและควบคุมอารมณ์
ซึ่งขณะนี้จ้าวลู่ซือกำลังพักรักษาอยู่ที่บ้านของเธอ โดยมีครอบครัวและเพื่อนสนิทดูแลและช่วยในการทำกายภาพบำบัดอย่างใกล้ชิด พร้อมกำลังใจจากแฟนคลับทั่วโลกอีกด้วย
ขอบคุณ : ZhaolusiTH
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี