อิหร่านคิดย้ายเมืองหลวงใหม่
เตหะราน – โฆษกรัฐบาลของอิหร่านกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะย้ายเมืองหลวงจากกรุงเตหะรานไปอยู่ที่เมืองมักราน ทางตอนใต้ของประเทศ หลังจากที่กรุงเตหะรานเป็นเมืองหลวงของประเทศมายาวนานกว่า 200 ปี ซึ่งทางการอิหร่านกล่าวว่านี่เป็นหนึ่งในแผนการของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาประชากรล้น การขาดแคลนพลังงาน และการขาดแคลนน้ำ โดยรัฐบาลอิหร่านเชื่อว่า พื้นที่บริเวณเมืองมักรานมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการเดินเรือที่สําคัญ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าของอิหร่านและลดภาระทางเศรษฐกิจ มืองมักรานยังมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์เนื่องจากอยู่ใกล้กับอ่าวโอมานด้วย ขณะที่ โมฮัมหมัด เรซา อารีฟ รองประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่าการพัฒนาไปสู่ภูมิภาคเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญ อย่างไรก็ตามเมืองมักรานยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอิหร่านในช่วงจักรวรรดิอาเคเมนิดอีกด้วย แนวคิดเปลี่ยนเมืองหลวงของอิหร่านเริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2000 และรัฐบาลในยุคต่อ ๆ มาก็มีความพยายามจะสานต่อแนวคิดนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่กรุงเตหะรานกําลังเผชิญอยู่ แต่แล้วแนวคิดนี้ก็เงียบหายไป กระทั่งมาถึงสมัยของ มาซูด เปเซชเคียน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ที่ต้องการรื้อฟื้นแนวคิดการย้ายเมืองหลวงอีกครั้ง
พนักงานธนาคารเสี่ยงตกงาน
นิวยอร์ก - Bloomberg Intelligence ศูนย์วิจัยของบลูมเบิร์ก เปิดเผยรายงานที่คาดการณ์ว่า ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ธนาคารระดับโลกอาจปลดพนักงานมากถึง 200,000 ตำแหน่ง เป็นผลกระทบจากเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ถูกพัฒนาให้ทำงานได้ดีขึ้น จนสามารถทำงานแทนพนักงานธนาคารได้จำนวนมาก
ตำแหน่งงานที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะตกงานได้แก่ ฝ่าย Back office, ฝ่ายปฏิบัติการกลาง และฝ่ายปฏิบัติการ นอกจากนี้ ฝ่ายบริการลูกค้า ก็มีความเสี่ยงที่ตกงานด้วย เมื่อระบบอัตโนมัติ อาจจะเข้ามาทำงานแทนในเรื่องการบริการลูกค้า งานบริการหลาย ๆ อย่างจะสามารถทำได้ผ่านแอพลิเคชัน หรือหน้าจอสมาร์ตโฟน จนลูกค้าไม่ต้องมาเจอพนักงานที่ธนาคารอีกต่อไป รวมถึงคนที่ทำงานด้านตรวจสอบข้อมูลลูกค้า ก็มีความเสี่ยงที่จะตกงานเช่นกัน
ตอนนี้ ธนาคารทั่วโลก ก็กำลังหาทางลดต้นทุน จึงมีความสนใจที่จะนำเทคโนโลยีเอไอ เข้ามาทำงานแทนพนักงานมากขึ้น ซึ่งงานที่เอไอถนัดมากที่สุด และสามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์ คืองานที่ต้องทำซ้ำ ๆ กันทุกวัน และงานที่ต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งเอไอสามารถทำได้รวดเร็วกว่า และไม่มีข้อผิดพลาด
อดีตสมาชิกวง SMAP ขอโทษ
โตเกียว - นากาอิ มาซาฮิโระ อดีตสมาชิกวง SMAP วงไอดอลของญี่ปุ่นที่ปัจจุบันยุบไปแล้ว ได้ยอมรับว่าเขามี ‘ประเด็น’ กับผู้หญิงคนหนึ่งจริง เรื่องอื้อฉาวปรากฏขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม เมื่อนิตยสารรายสัปดาห์รายงานว่า คนดังในสื่อวัย 52 ปีมีประเด็นกับผู้หญิงเมื่อปี 2566 และได้จ่ายเงินเพื่อยุติปัญหา นากาอิกล่าวในแถลงการณ์ที่ออกบนเว็บไซต์ของบริษัทต้นสังกัดของเขาว่า เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ทำให้ทุกคนเดือนร้อน ที่ผ่านมา เขาหลีกเลี่ยงไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากมีข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลกับอีกฝ่ายหนึ่ง เขากับอีกฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงนอกศาลและคลี่คลายเรื่องนี้แล้วผ่านตัวแทน นากาอิกล่าวว่า เขาเชื่อว่าตนเองได้เผชิญหน้าและตอบรับข้อเสนอของอีกฝ่ายอย่างจริงใจเพื่อให้ได้ข้อยุติ พร้อมปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อรายงานของสื่อบางสำนักที่ว่า เขาใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์ดังกล่าว เรื่องอื้อฉาวนี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ของญี่ปุ่น เนื่องจากนากาอิมีรายการประจำหลายรายการ สถานีโทรทัศน์หลายแห่งระงับการออกอากาศบางรายการที่นากาอิเป็นพิธีกร ขณะที่สถานีอื่น ๆ ใช้วิธีตัดต่อไม่ให้เห็นนากาอิในรายการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี