ไบเดนแถลงอำลาตำแหน่ง
วอชิงตัน – ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเป็นเวลาราว 19 นาที โดยเลือกที่จะกล่าวเตือนในเรื่องต่างๆ ที่เป็นข้อกังวล เป็นต้นว่า ความห่วงใยในเรื่องที่อำนาจจะกระจุกตัวอยู่กับคนเพียงบางกลุ่มซึ่งจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างกลุ่มคนร่ำรวย ชนชั้นกลาง และชนชั้นแรงงาน ไบเดนยังชี้ถึงโทษภัยของสื่อสังคมออนไลน์ที่ให้ข้อมูลบิดเบือนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงความเสี่ยงจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่อาจเป็นอันตรายอย่างแท้จริงต่อประเทศชาติ พร้อมกันนี้ก็พูดถึงเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ว่าเป็นทั้งความเสี่ยงที่ใหญ่หลวง และเป็นโอกาสที่สำคัญ โดยไบเดนเน้นย้ำว่าจะต้องแน่ใจว่ามีการใช้ AI ในทางที่เป็นประโยชน์และอเมริกาจะต้องเป็นผู้นำในการพัฒนา AI ไบเดนมีกำหนดส่งมอบหน้าที่ในการบริหารประเทศให้แก่ โดนัลด์ ทรัมป์ ในเวลาเที่ยงวันของวันที่ 20 มกราคมนี้ เป็นการปิดฉากการทำงานการเมืองที่ยาวนานถึง 50 ปี คำเตือนในถ้อยแถลงอำลาของไบเดน เกิดขึ้นในขณะที่พรรคเดโมแครตสิ้นไร้อำนาจในการเมืองระดับชาติของสหรัฐฯ และทรัมป์ได้ตั้งคณะรัฐมนตรีที่ประกาศจะพลิกกลับพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ รวมไปถึงบรรทัดฐานต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ
ชาวอเมริกันเลือกทำหมันเพิ่มขึ้น
นิวยอร์ก – หนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ รายงานแนวโน้มประชาชนในสหรัฐฯ จะเลือกทำหมันเพิ่มขึ้นเพราะหวั่นเกรงการถูกจำกัดการเข้าถึงการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ระหว่างการบริหารประเทศสมัยที่ 2 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เตรียมเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การวิจัยพบการผ่าตัดทำหมันชายและการผ่าตัดทำหมันหญิงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่เดือนก่อนและหลังจากศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ตัดสินคดี ด็อบส์ เวอร์เซิส องค์กรสุขภาพสตรีแจ็กสัน (Dobbs vs. Jackson Women’s Health Organization) ซึ่งมีคำวินิจฉัยในปี 2022 ที่ยุติสิทธิทำแท้งตามรัฐธรรมนูญที่มีมาเกือบครึ่งศตวรรษ การศึกษาจากวารสารเฮลธ์ แอฟแฟร์ส (Health Affairs) พบว่าช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2022 มีการทำหมันชายเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 และการทำหมันหญิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 19-26 ปี โดยคณะนักวิจัยใช้เวชระเบียนมาวิเคราะห์และพบว่ารัฐที่มีแนวโน้มห้ามทำแท้งหลังจากคำตัดสินคดีด็อบส์ฯ มีการทำหัตถการคุมกำเนิดถาวรเพิ่มขึ้นมากกว่า ส่วนการวิจัยจากวารสารเจเอเอ็มเอ เฮลธ์ ฟอรัม (JAMA Health Forum) ที่เผยแพร่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2024 ยังชี้ว่า การทำหัตถการคุมกำเนิดถาวรในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 18-30 ปี เพิ่มขึ้นหลังจากคำตัดสินคดีด็อบส์ฯ เช่นเดียวกัน
อพยพชาวบ้านหนีภูเขาไฟปะทุ
จาการ์ตา - เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเริ่มการอพยพประชาชน 3,000 คน ที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาไฟอิบู บนเกาะฮัลมาเฮรา ทางตะวันออกของประเทศ หลังจากภูเขาไฟเกิดปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 15 ม.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยกระดับการเตือนภัยในพื้นที่รอบๆ ภูเขาไฟเป็นระดับรุนแรงสูงสุด การอพยพประชาชนเริ่มต้นเมื่อช่วงวันเดียวกัน ชาวบ้านราว 3,000 คน ที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบๆ เป็นกลุ่มแรกที่อพยพออกมาเนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ติดกับภูเขาไฟ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่แล้ว พบว่าอยู่ในระดับคงที่ ภูเขาไฟอิบู ปะทุขึ้นครั้งล่าสุดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ภูเขาไฟหลายลูกในอินโดนีเซียเกิดปะทุติดต่อกัน สำหรับอินโดนีเซียตั้งอยู่บนพื้นที่ในตำแหน่งที่เรียกว่า วงแหวนแห่งไฟ ในมหาสมุทรแปซิฟิกและมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับจำนวน 127 ลูก สำหรับภูเขาไฟ
อิบู เกิดปะทุหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว เมื่อเดือนพฤษภาคม ประชาชนต้องอพยพจากหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง 7 แห่ง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี