21 ม.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump's inauguration speech excerpts: Immigration, foreign wars, God ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ณ อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ (U.S. Capitol) ภายในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการกลับมาทำหน้าที่ผู้นำของทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2
ในคำปราศรัยในการรับตำแหน่งครั้งนี้ ทรัมป์ เปิดเผยว่า ตนจะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับ และสัญญาว่าจะเริ่มฟื้นฟูสหรัฐฯ และปฏิวัติสามัญสำนึกอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็วิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง รวมถึงพรรคเดโมแครตอย่างรุนแรง ซึ่งรอยเตอร์ สรุปประเด็นสำคัญไว้ดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงระดับโลก : ทรัมป์ กล่าวว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงกำลังแผ่กระจายไปทั่วประเทศ แสงแดดสาดส่องไปทั่วโลก และอเมริกามีโอกาสที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก่อนอื่น เราต้องซื่อสัตย์เกี่ยวกับความท้าทายที่เรากำลังเผชิญ
- วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของโจ ไบเดน : ทรัมป์ ชี้ว่า ขณะนี้เรามีรัฐบาลที่ไม่สามารถจัดการแม้แต่วิกฤติเล็กๆ น้อยๆ ภายในประเทศได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไม่สามารถปกป้องพลเมืองอเมริกันผู้เคารพกฎหมายของเราได้ แต่กลับให้ที่พักพิงและการคุ้มครองแก่ผู้กระทำความผิดร้ายแรง ซึ่งหลายคนมาจากเรือนจำและสถาบันจิตเวชที่เข้ามาในประเทศของเราอย่างผิดกฎหมายจากทั่วทุกมุมโลก
- อ้างอิงถึงสงครามต่างประเทศ : ทรัมป์ ตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐฯ มีรัฐบาลที่ให้เงินทุนไม่จำกัดในการป้องกันพรมแดนต่างประเทศ แต่ปฏิเสธที่จะปกป้องพรมแดนของสหรัฐฯ เอง หรือที่สำคัญกว่านั้นคือ ปกป้องประชาชนของตนเอง
- เปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพและการศึกษา : ทรัมป์ พูดถึงสหรัฐฯ ที่มีระบบสาธารณสุขซึ่งไม่สามารถให้บริการได้ในยามเกิดภัยพิบัติ แต่กลับใช้เงินจำนวนมากไปกับระบบนี้มากกว่าประเทศใดๆ ในโลก และมีระบบการศึกษาที่สอนให้เด็กๆ ของเราละอายใจในตนเอง และในหลายๆ กรณี ยังสอนให้เกลียดประเทศขอตนเอง แม้ว่าเราจะพยายามมอบความรักให้พวกเขาอย่างสุดความสามารถก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนไป เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
- พระเจ้าลิขิตให้รอดชีวิตมาเพื่อกอบกู้สหรัฐฯ : ทรัมป์ อ้างถึงช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา โดยบอกว่าตนเองได้รับบททดสอบที่ท้าทายมากกว่าประธานาธิบดีคนใดในประวัติศาสตร์ 250 ปีขอสหรัฐฯ และกล่าวว่า ผู้ที่ต้องการหยุดยั้งจุดยืนของเราได้พยายามพรากอิสรภาพของตนไป และแน่นอนว่ารวมถึงชีวิตของตนด้วย พร้อมยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในทุ่งหญ้าที่สวยงามแห่งหนึ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย กระสุนของมือสังหารได้ทะลุหูของตน
“แต่ผมรู้สึกในตอนนั้น และเชื่อมากขึ้นไปอีกว่าชีวิตของผมได้รับการช่วยเหลือด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมได้รับการช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกากลับมายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง” ทรัมป์ กล่าว
ในเวลาต่อมา รายงานข่าว Trump sworn in a second time, says he was 'saved by God' to rescue America ได้สรุปนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จากคำปราศรัยล่าสุดและจากผู้เกี่ยวข้อง ที่คาดว่าจะดำเนินการเมื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ดังนี้
1.นโยบายด้านคนเข้าเมือง : ทรัมป์ ระบุว่า ตนจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งหมดจะถูกระงับทันที และจะเริ่มกระบวนการส่งตัวคนต่างด้าวที่ก่ออาชญากรรมหลายล้านคนกลับไปยังสถานที่ที่พวกเขาจากมา
ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของคณะทำงานชุดใหม่ในทำเนียบข่าว ว่า นอกเหนือจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ประธานาธิบดีจะส่งทหารพร้อมอาวุธไปที่ชายแดน และกลับมาใช้นโยบายบังคับให้ผู้ขอลี้ภัยต้องอยู่ที่เม็กซิโกระหว่างรอนัดพิจารณาจากศาลสหรัฐฯ อีกทั้งจะพยายามหาทางยุติการให้สัญชาติโดยกำเนิดแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ ในกรณีพ่อแม่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย ซึ่งนักวิชาการด้านกฎหมายบางคนกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ
2.รื้อฟื้นโทษประหารชีวิต : เจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทรัมป์จะฟื้นโทษประหารชีวิตของรัฐบาลกลาง ซึ่งเคยถูกระงับไปแล้วในช่วงรัฐบาลของอดีต ปธน. ไบเดน
3.อภัยโทษให้กับผู้เกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 : ในวันดังกล่าว ซึ่งทรัมป์พ่ายแพ้ต่อ โจ ไบเดน เขาตัดสินใจไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนของไบเดน โดยอ้างว่าที่ตนเองแพ้การเลือกตั้งเพราะถูกโกง โดยในการหวนคืนสู่ทำเนียบขาวเป็นหนที่ 2 นี้ ทรัมป์ ประกาศว่า ตนจะอภัยโทษตั้งแต่วันแรก แก่ผู้ต้องหามากกว่า 1,500 คนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาในความเชื่อมโยงกับเหตุจลาจลครั้งนั้น
4.รับรองเพียง ‘เพศกำเนิด’ เท่านั้น : เจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่ เปิดเผยว่า นโยบายของทรัมป์จะกำหนดให้เอกสารทางการของสหรัฐฯ เช่น หนังสือเดินทาง ต้องระบุเพศของพลเมืองตามที่กำหนดไว้เมื่อแรกเกิด จะลงนามในคำสั่งยุติความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความคิดริเริ่มในการมีส่วนร่วม (DEI) ของรัฐบาลกลาง
5.ยังไม่ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเรื่องภาษีกับต่างประเทศ : ทีมงานของทรัมป์ กล่าวว่า ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ จะยังไม่กำหนดภาษีอัตราใหม่ในทันที แต่จะสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางประเมินความสัมพันธ์ทางการค้ากับแคนาดา จีน และเม็กซิโกแทน
ก่อนเข้าพิธีสาบานตนอย่างเป็นทางการ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีผู้กำลังจะพ้นวาระ ที่ทำเนียบขาว ซึ่ง ไบเดน กล่าวกับ ทรัมป์ ว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ขณะที่อาคารรัฐสภา ไบเดน รวมถึง กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) รองประธานาธิบดีในรัฐบาลของไบเดน และเป็นคู่แข่งของทรัมป์ในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ด้วย พร้อมกับอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา (Barack Obama) จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) และ บิล คลินตัน (Bill Clinton) รวมถึง ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเคยลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 แต่พ่ายแพ้และทำให้ทรัมป์ได้ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก
ขณะที่ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีจำนวนมากซึ่งพยายามเอาใจฝ่ายบริหารชุดใหม่ ซึ่งรวมถึงบุคคล 3 คนที่รวยที่สุดในโลก ได้แก่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX, เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) ซีอีโอของ Amazon และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Meta ต่างก็มีที่นั่งที่โดดเด่นบนเวทีร่วมกับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและสมาชิกในครอบครัวของทรัมป์
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี