เก็บภาษี‘จีน-อียู’เพิ่มร้อยละ 10

‘ทรัมป์’ประกาศกร้าว

ลั่นเริ่มเร็วที่สุด 1 กุมภาพันธ์นี้

เตรียมรีดเม็กซิโก-แคนาดา

ถ้าไม่กวาดล้างลอบเข้าเมือง

“ประธานาธิบดีทรัมป์”ของสหรัฐฯ ประกาศจะเก็บภาษีกับสหภาพยุโรป หรืออียู และกำลังพิจารณาเรื่องเก็บภาษีลงโทษอัตราร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากจีน ลั่นเริ่มเร็วที่สุด 1 กุมภาพันธ์ พร้อมขู่เก็บภาษีเพิ่มจากเม็กซิโกและแคนาดาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯแถลงต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้

หลังจากไม่ได้ประกาศเก็บภาษีทันทีตามที่หาเสียงไว้ว่าจะประกาศในวันสาบานตนรับตำแหน่งว่า อียูและประเทศอื่น ๆ ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ลักษณะที่ก่อให้เกิดปัญหา อียูจะต้องถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีจึงจะเป็นธรรม และรัฐบาลของเขากำลังหารือเรื่องเก็บภาษีลงโทษอัตราร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากเฟนทานิล (Fentanyl) ที่เป็นยาแก้ปวดชนิดแรงและถือเป็นยาเสพติด ถูกส่งจากจีนเข้าสหรัฐฯ ผ่านมาทางเม็กซิโกและแคนาดา ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้โอกาสนี้กำหนดเส้นตายที่จะเก็บภาษีอียูและจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และเป็นเส้นตายเดียวกับที่เขาประกาศเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า กำลังพิจารณาเรื่องเก็บภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกในอัตราร้อยละ 25 หากทั้ง 2 ประเทศนี้ไม่กวาดล้างการส่งผู้ลอบเข้าเมืองและเฟนทานิลข้ามพรมแดนเข้ามาในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้ลงนามบันทึกการค้าที่สั่งการให้สำนักงานรัฐบาลกลางพิจารณาทบทวนประเด็นการค้าต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 เมษายน ครอบคลุมเรื่องการขาดดุลการค้าเรื้อรัง การดำเนินการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการบิดเบือนค่าเงินของประเทศคู่ค้า

ในส่วนของรัสเซีย ทรัมป์ระบุว่า เขาอาจจะคว่ำบาตรรัสเซีย ถ้าหากว่าประธานาธิบดี ลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ปฏิเสธเจรจายุติสงครามในยูเครน ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม จากเติมที่สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนักอยู่แล้ว นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏับัติการในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทรัมป์เปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลของเขากำลังพิจารณาเรื่องการส่งอาวุธให้ยูเครน แต่เขาเห็นว่า สหภาพยุโรป หรืออียู ควรสนับสนุนยูเครนให้มากกว่านี้ ขณะนี้ รัฐบาลของเขากำลังพูดคุยกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และกำลังจะหารือกับประธานาธิบดีปูตินในเร็ว ๆ นี้

ทรัมป์เปิดเผยต่อไปว่า เขาได้เรียกร้องประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ให้แทรกแซงเพื่อหยุดสงครามในยูเครนในการหารือทางโทรศัพท์ในประเด็นการยุติสงครามในยูเครน

ขณะที่มีรายงานว่า ประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง หารือกันทางโทรศัพท์เมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงโอกาสจัดทำข้อตกลงสันติภาพในการยุติสงครามกับยูเครน และการสนับสนุนของรัสเซียต่อจุดยืนของจีนเกี่ยวกับไต้หวัน

ในการหารือทางไกล ปูตินเรียกสีว่าเป็นเพื่อนรักของเขา และระบุว่า รัสเซียและจีนกำลังสร้างความสัมพันธ์บนพื้นฐานของมิตรภาพ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และการสนับสนุนในทุกมิติ แม้จะมีแรงกดดันจากภายนอกก็ตาม

ปูตินยังแสดงความเชื่อมั่นว่า การทำงานร่วมกันของรัสเซียและจีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพในกิจการระหว่างประเทศ ขณะที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายยังให้คำมั่นว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในระดับที่สูงขึ้นและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง ทรัมป์กล่าวว่า เขาเปิดรับได้ หากอีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีเจ้าของเทสลา ผู้ร่วมอยู่ในรัฐบาลของทรัมป์ จะซื้อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและแอพพลิเคชันคลิปวีดิโอสั้นติ๊กต็อก (TikTok) ถ้าหากมัสก์ต้องการจะทำเช่นนั้น หลังจากชาวอเมริกัน 170 ล้านคนไม่สามารถใช้แอพพลิเคชันนี้ได้ชั่วคราวเป็นเวลาสั้น ๆ หลังกฎหมายห้ามใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.) กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ไบท์แดนซ์ บริษัทของจีนเจ้าของติ๊กต็อก ต้องขายแอพลิเคชันนี้ในสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่ติ๊กต็อกยังอยู่ใต้บริษัทแม่อย่างไบท์แดนซ์ของจีน ทำให้เสี่ยงต่อการที่ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันจะถูกนำไปใช้อย่างผิด ๆ

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) สั่งเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป 75 วัน ทำให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาใช้งานติ๊กต็อกได้ แม้เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) ผู้ใช้งานจำนวนมากในสหรัฐฯ ยังคงไม่สามารถดาวโหลดแอพลิเคชั่นติ๊กต็อกได้บนอุปกรณ์ของแอปเปิลและแอนดรอยด์ได้

เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนกำลังเปิดเจรจาเบื้องต้นเกี่ยวกับการขายการดำเนินธุรกิจติ๊กต็อกในสหรัฐฯ ให้แก่อีลอน มัสก์ แต่ทางบริษัทไบท์แดนซ์ได้ปฏิเสธข่าวนี้