24 ม.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump tells Davos he will demand lower interest rates, oil prices ระบุว่า ในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก 2568 (World Economic Forum 2025) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยทรัมป์เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มโอเปกลดราคาน้ำมันและโลกลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงเตือนบรรดาผู้นำทางการเมืองและเศรษฐกิจจากทั่วโลกว่าจะต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรหากผลิตสินค้าที่อื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ
คำกล่าวนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์กล่าวต่อผู้นำโลกในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 4 วัน โดยเป็นการตอกย้ำข้อความที่ว่าวาระที่ 2 ของเขาจะละทิ้งบรรทัดฐานตลาดเสรีทั้งภายในและนอกสหรัฐฯ แต่ถึงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่ต้องการจะนำมาใช้ แต่ทรัมป์ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ในช่วงที่ตลาดกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนการของเขา
ราคาน้ำมันพลิกเป็นลบในขณะที่ทรัมป์กล่าว ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงและดอลลาร์สหรัฐแกว่งไปมาระหว่างกำไรและขาดทุนเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินต่างประเทศ ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาล โดยทรัมป์พูดคุยกับผู้เข้าร่วมงานประมาณ 3,000 คน ซึ่งส่งเสียงเชียร์เมื่อใบหน้าของทรัมป์ปรากฏบนจอขนาดใหญ่
ทรัมป์ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เขาทำตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 ซึ่งได้พลิกโฉมนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับความหลากหลาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการย้ายถิ่นฐาน ในการสนทนาครั้งต่อมากับผู้เข้าร่วมการประชุม รวมทั้ง ไบรอัน มอยนิฮาน (Brian Moynihan) ซีอีโอของ Bank of America และ สตีเฟน ชวาร์ซแมน (Stephen Schwarzman) ซีอีโอของ Blackstone Group คำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ สลับไปมาระหว่างคำชมและคำวิจารณ์
ครั้งหนึ่ง ทรัมป์ตำหนิมอยนิฮานและเจพีมอร์แกนเชส ที่ไม่ให้บริการธนาคารแก่กลุ่มอนุรักษ์นิยม โดยไม่แสดงหลักฐานหรือรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำผิดใดๆ ธนาคารต่างๆ รีบออกแถลงการณ์โดยระบุว่าไม่เป็นความจริง ขณะที่มอยนิฮานเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหานั้น แต่กลับชื่นชมทรัมป์ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2569
คำปราศรัยของทรัมป์เป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เพราะเปิดโอกาสให้ผู้บริหารธุรกิจจำนวนหนึ่งซักถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสาธารณะเกี่ยวกับประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา หรือในบางกรณีคือการลงทุน โครงการ และผลประโยชน์เฉพาะของพวกเขา ซึ่งคำวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดของทรัมป์บางส่วนสงวนไว้สำหรับพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ อย่างแคนาดาและสหภาพยุโรป ซึ่งทรัมป์ขู่อีกครั้งด้วยภาษีศุลกากรใหม่ ในขณะที่ตำหนิชาติเหล่านั้นที่ปล่อยให้เกิดการเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ
ในเรื่องนโยบายภาษีของสหรัฐฯ กับต่างประเทศ ทรัมป์ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่จะเรียกร้องก็คือความเคารพจากประเทศอื่นๆ เช่น แคนาดา ซึ่งสหรัฐฯ ขาดดุลอย่างมหาศาล และจะไม่มีสิ่งนั้นอีกต่อไป นอกจากนั้น ทรัมป์ยังตำหนิรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน (Joe Biden) เกี่ยวกับนโยบายที่ครอบงำการประชุมดาวอสมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือความหลากหลาย และ จอห์น เคอร์รี (John Kerry) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งในยุครัฐบาลไบเดน ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดขณะฟัง
ผู้เข้าร่วมการประชุม WFF 2025 บางคนชื่นชมสไตล์การพูดตรงๆ ของทรัมป์ในภายหลัง ในขณะที่บางคนแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย แต่ยังมีท่าทีแบบนุ่มนวล อาทิ เอสเพน บาร์ธ ไอเด (Espen Barth Eide) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศนอร์เวย์ ที่กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทรัมป์ต้องการส่งเสริมการเติบโตในประเทศของตนเอง แต่แน่นอนว่าเราเชื่อว่าเราจะดีขึ้นในโลกแห่งการค้าเสรี ซึ่งแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างเปิดเผย
ในด้านท่าทีต่อรัสเซีย ทรัมป์ กล่าวว่า กำลังหาทางเจรจากับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) เกี่ยวกับสงครามในยูเครน รวมถึงต้องการให้รัสเซียและจีนดำเนินการเพื่อลดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนั้น ยังได้ย้ำถึงนโยบายต่างๆ ที่เขาเคยประกาศไว้อีกครั้ง เช่น จะลดอัตราเงินเฟ้อด้วยการใช้มาตรการภาษีศุลกากร การยกเลิกกฎระเบียบ และการลดภาษีควบคู่กับการปราบปรามผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของปัญญาประดิษฐ์ สกุลเงินดิจิทัล และเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเรื่องเชื้อเพลิงฟอสซิล ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ มีน้ำมันและก๊าซมากที่สุดในโลก และเราจะใช้น้ำมันและก๊าซเหล่านี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนของสินค้าและบริการเกือบทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังทำให้สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจด้านการผลิตอีกด้วย และยังอ้างด้วยว่า ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรกของเขา สหรัฐฯ มีอากาศและน้ำที่สะอาดที่สุด และสหรัฐฯ มีข้อตกลงสีเขียวใหม่ซึ่งทรัมป์ก็ได้ยกเลิกไปแล้ว
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลกและข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เขากล่าวว่าเขาจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา แม้ว่าประเทศอื่นๆ อาจไม่ยอมใช้ชื่อใหม่นี้ก็ตาม นอกจากนี้ เขายังขู่ว่าจะยึดคลองปานามาคืนจากปานามาอีกด้วย และเมื่อได้รับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อปราบปรามผู้อพยพ ขยายการผลิตพลังงานในประเทศ และขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่สูงลิ่วจากสหภาพยุโรป จีน เม็กซิโก และแคนาดา
ทรัมป์ยังได้อภัยโทษให้กับผู้สนับสนุนมากกว่า 1,500 คนที่โจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ซึ่งล้มเหลวในการพยายามพลิกกลับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งของเขาในปี 2563 ทำให้เกิดความโกรธแค้นจากสมาชิกรัฐสภาและตำรวจที่ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยง นอกจากนั้น ทรัมป์กำลังดำเนินการเพื่อรื้อถอนโปรแกรมความหลากหลายภายในรัฐบาลสหรัฐฯ และกำลังกดดันภาคเอกชนให้ดำเนินการเช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้บางคนในดาวอสต้องค้นหาคำใหม่ๆ เพื่ออธิบายแนวทางปฏิบัติในที่ทำงานที่พวกเขากล่าวว่าจำเป็นต่อธุรกิจ
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี