วอชิงตัน/ซีแอตเทิล (รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แถลงต่อที่ประชุมเศรษฐกิจโลกในเมืองดาวอสประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการให้โอเปกและซาอุดีอาระเบีย ลดราคาน้ำมันโลก และหวังเจรจากับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ปูติน ของรัสเซีย เพื่อยุติสงครามในยูเครน ด้านผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สั่งระงับคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ชั่วคราว เกี่ยวกับการตัดสิทธิ์การได้สัญชาติเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยการเกิด
ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงผ่านวีดีโอลิงก์ ต่อบรรดาผู้นำธุรกิจในที่ประชุมเศรษฐกิจโลก “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม” หรือดับเบิลยูอีเอฟ (WEF) ในเมืองดาวอส เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค. ว่า เขาต้องการให้ลดราคาน้ำมันโลก โดยจะขอร้องซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือโอเปก ให้ลดราคาน้ำมันลงส่งผลให้ราคาของน้ำมันลดลงในช่วงที่ทรัมป์พูดเรื่องนี้ คำวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดของทรัมป์มีขึ้นเฉพาะกับพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ อย่างแคนาดาและสหภาพยุโรป เท่านั้น ซึ่งเขาขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าใหม่ และตำหนินโยบายนำเข้าของทั้งแคนาดาและอียูว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับพันธมิตรทั้งสอง ซึ่งทรัมป์บอกว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก
ทรัมป์กล่าวด้วยว่า เขาต้องการพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยเร็ว เพื่อเดินหน้าผลักดันหยุดสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 3 ปีกับยูเครน พร้อมแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เขาเรียกว่าการสูญเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และบอกว่า ความพยายามของสหรัฐในการแก้ปัญหาอย่างสันติกำลังดำเนินการอย่างมีความหวัง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดขณะเดียวกัน ทรัมป์มองเห็นความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างสหรัฐฯและจีน และเขาหวังว่า จีนจะสามารถช่วยยุติสงครามของรัสเซียในยูเครนได้
ในเวลาต่อมา ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความทางสื่อออนไลน์ว่า การที่เขาพยายามยุติสงครามถือว่าเป็นบุญคุณครั้งใหญ่สำหรับรัสเซียและปูติน เพราะเศรษฐกิจรัสเซียกำลังล่มจม ดังนั้น จึงสมควรยุติสงครามที่โง่เขลานี้ทันทีเพราะมีแต่จะเลวร้ายลงไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้เพิ่มภาษีและมาตรการลงโทษอื่นๆ กับสินค้ารัสเซียที่จำหน่ายในสหรัฐและอีกหลายประเทศ
ทั้งนี้ ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์ประกาศหลายครั้งว่า จะผลักดันข้อตกลงระหว่างยูเครนและรัสเซียทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง แต่ตอนนี้ที่ปรึกษาของเขายอมรับว่า สงครามจะต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะคลี่คลาย
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้พิพากษาจอห์น คูเกนอร์ แห่งศาลรัฐบาลสหรัฐในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ได้ลงความเห็นขวางคำสั่งฝ่ายบริหารทรัมป์ ที่จะยุติสิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิดในประเทศ (Birthright Citizenship) อันหมายถึงยุติสิทธิในการได้เป็นพลเมืองอเมริกัน เพียงแค่เพราะว่าถือกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์เห็นว่า จะช่วยขัดขวางความพยายามของผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ อีกทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยอาศัยประโยชน์จากสิทธินี้อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษามองว่า คำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับรองสถานะพลเมืองของเด็กทุกคนที่เกิดในสหรัฐฯ โดยไม่สนใจถึงเชื้อชาติ สีผิวหรือบรรพบุรุษของเด็กคนนั้น
ทั้งนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังทรัมป์ลงนามในคำสั่งฉบับดังกล่าวในวันสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำ บรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหวสนับสนุนผู้อพยพออกมาขยับยื่นฟ้องทรัมป์ต่อศาลจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าการลงนามในคำสั่งดังกล่าวของทรัมป์นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ลบหลู่คุณค่าพื้นฐานของอเมริกาและดูหมิ่นคำพิพากษาในอดีตของศาล ที่ระบุเรื่องสิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิดในประเทศ สะท้อนว่าเด็กทุกคนที่เกิดในสหรัฐจะเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่คำสั่งของทรัมป์ถือเป็นการโจมตีเด็กแรกเกิดและชาวอเมริกันในรุ่นต่อๆ ไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี