วอชิงตัน (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) -ศาลขวางคำสั่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ที่สั่งระงับความช่วยเหลือในประเทศทั้งหมดต่อชาวอเมริกัน ชี้ส่งผลกระทบต่อโครงการมากมายและอาจขัดกฎหมาย ขณะที่อัยการสูงสุดนิวยอร์กระบุ 20 รัฐได้รับผลกระทบ หลังโครงการประกันสุขภาพผู้มีรายได้น้อย “เมดิเคด” เริ่มระงับจ่ายเงินแล้ว
ผู้พิพากษาสหรัฐฯ มีคำสั่งยับยั้งไม่ให้มีผลบังคับใช้ชั่วคราว ต่อคำสั่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้สั่งหยุดความช่วยเหลือทางการเงินภายในประเทศทุกโครงการต่อชาวอเมริกัน ทั้งในรูปเงินให้เปล่าเงินกู้และความช่วยเหลือทางการเงินอื่นๆ ภายในประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ต้องพึ่งเงินส่วนนี้ และอัยการของหลายรัฐร่วมกันยื่นฟ้องร้อง ว่าเป็นการกระทำที่ผิดหมาย และจะส่งผลร้ายต่อผู้คนมากมาย โครงการบรรเทาสาธารณภัยและการค้นคว้าวิจัยด้านสาธารณสุขด้วย คำสั่งยับยั้งของศาลมีขึ้นก่อนที่คำสั่งของทรัมป์ดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านั้น ในการแถลงข่าวเป็นครั้งแรกของ แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวคนใหม่ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ เธอระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกคำสั่งให้หยุดการใช้งบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รวมหลายล้านล้านดอลลาร์ ตามที่เคยได้ชูนโยบายระงับความช่วยเหลือนี้มาโดยตลอดเพราะเห็นว่าเป็นงบประมาณที่สูญเปล่าและเป็นภาระที่เสียประโยชน์ อย่างไรก็ดีคำสั่งของทรัมป์ได้สร้างความสับสนไปทั่วเนื่องจากยังไม่รู้รายละเอียดชัดเจนว่า โครงการใดบ้างจะได้รับผลกระทบ แต่มีรายงานว่าเงินช่วยเหลือและเงินกู้จำนวนหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกสั่งระงับ ส่วนหนึ่งใช้สำหรับโครงการในไทย โดยเฉพาะในค่ายผู้ลี้ภัยหลายแห่งบริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา รวมถึงโครงการเก็บกู้กับระเบิดและงานด้านสาธารณสุข ส่วนหน่วยงานและผู้รับเงินช่วยเหลือในสหรัฐฯ เองก็ได้รับคำสั่งให้ยุติการดำเนินงานและการสั่งจ่ายงบประมาณต่างๆ เช่นเดียวกับความช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดรวมถึงความช่วยเหลือยูเครน
ด้านวุฒิสมาชิก ชัค ชูเมอร์ พรรคเดโมแครต ผู้นำวุฒิสมาชิกเสียงข้างน้อย เตือนว่า คำสั่งของทรัมป์จะทำให้ข้าราชการไม่ได้รับเงินเดือนและกระทบการจ่ายเงินค่าเช่าต่างๆ ที่ทางรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องจ่ายและจะสร้างความหายนะ ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศคนใหม่ แถลงข่าวเช่นกันว่า ความช่วยเหลือต่างประเทศที่เป็นเป้าหมายตรวจสอบของกระทรวงการต่างประเทศ คือ ความช่วยเหลือที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก โดยยกตัวอย่างเช่น ความช่วยเหลือต่อกลุ่มแพทย์ระหว่างประเทศในฉนวนกาซา (International Medical Corps) 102 ล้านดอลลาร์ บรูซสรุปว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระงับความช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดของกระทรวงต่างประเทศ และสำนักงาน USAID แล้ว เพื่อรอการทบทวนตรวจสอบ และเป็นการส่งสารชัดเจนต่อชาวอเมริกันว่า ผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ต้องมาก่อน
ในอีกด้านหนึ่ง โฆษกทำเนียบขาวเผยด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารพิเศษไปแล้วมากกว่า 300 ฉบับ นับตั้งแต่ที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา คำสั่งล่าสุด ที่เพิ่งจะลงนามไป มีเรื่องคำสั่งห้ามคนข้ามเพศสมัครเป็นทหาร ซึ่งหากย้อนกลับไปในสมัยแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาเคยประกาศห้ามคนกลุ่มนี้เป็นทหารมาแล้วครั้งหนึ่ง อ้างว่าทหารที่เป็นคนข้ามเพศมีแนวโน้มทำให้กองทัพเสียงบประมาณค่ารักษาพยาบาลที่มากกว่าทหารเพศหญิงหรือชาย โฆษกทำเนียบขาวยังเน้นย้ำว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ จะต้องให้การรับรองคนที่ทรัมป์ เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทรัมป์ได้รีบทำหน้าที่ตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยตอนนี้ มีคนที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีแค่ 2 คนเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองแล้ว คือ รัฐมนตรีต่างประเทศกับรัฐมนตรีกลาโหม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี