วอชิงตัน (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐมีแผนจะส่งผู้อพยพที่มีประวัติอาชญากรไปคุมขังไว้ที่สถานควบคุมตัวในอ่าวกวนตานาโมมากถึง 30,000 คน พร้อมสั่งหน่วยงานรัฐบาลกลางขจัดการพูดถึง “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ออกจากสัญญา การบรรยายรายละเอียดงาน และบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น (29 ม.ค.) ว่า ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารสั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ จัดเตรียมสถานที่ในอ่าวกวนตานาโมให้พร้อมรองรับผู้อพยพให้ได้ถึง 30,000 คน เพื่อคุมขังผู้ลอบเข้าเมืองที่เป็นอาชญากรคุกคามชาวอเมริกัน เพราะบางคนเลวร้ายมากจนไม่สามารถวางใจได้ว่า ประเทศอื่นจะสามารถควบคุมตัวไม่ให้กลับเข้ามาในสหรัฐฯ อีก จึงต้องส่งตัวไปคุมขังไว้ที่อ่าวกวนตานาโม จากนั้นเขาได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องขยายพื้นที่เพิ่มเติมในสถานควบคุมตัวดังกล่าว อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ชัดว่าแผนขยายพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อใช้คุมขังผู้อพยพที่อ่าวกวนตานาโมจะแล้วเสร็จเมื่อใด และจะต้องใช้งบประมาณมากแค่ไหน ขณะที่รัฐบาลคิวบาออกมาประณามแผนการดังกล่าวของทรัมป์ และกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าทรมานและคุมขังผู้คนโดยผิดกฎหมายบนดินแดนที่ยึดไปจากคิวบา
ฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโมของคิวบา ได้สร้างสถานที่ควบคุมตัวผู้อพยพ แยกจากเรือนจำกวนตานาโมที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช สร้างขึ้นในปี 2545 เพื่อคุมขังผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายต่างชาติ หลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ปัจจุบันเหลือผู้ต้องขัง 15 คน ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดี บารักโอบามา และ โจ ไบเดน พยายามปิดเรือนจำแห่งนี้แต่ไม่สำเร็จ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันให้คงเรือนจำนี้ไว้ แม้ว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนประณามมาโดยตลอดเรื่องคุมขังโดยไม่มีกำหนดปล่อย และใช้วิธีสอบปากคำแบบทรมานในช่วงต้นของการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย
การตัดสินใจล่าสุดของทรัมป์ เป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯ ใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวพรมแดนสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก หลังจากทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานการบริหารบุคคลสหรัฐฯ ออกบันทึกเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น แจ้งแนวทางในการปฏิบัติตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ที่กำหนดให้รัฐบาลยอมรับเพียงเพศชายและเพศหญิงตามกำเนิดเท่านั้น บันทึกระบุว่า หน่วยงานต่างๆ จะต้องทบทวนการบรรยายรายละเอียดงานทั้งหมด และสั่งพักงานลูกจ้างที่หน้าที่การทำงานเกี่ยวข้องกับตอกย้ำหรือส่งเสริมอุดมการณ์ทางเพศ นอกจากนี้ยังต้องลบเว็บไซต์หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ส่งเสริมอุดมการณ์ทางเพศ และทำให้พื้นที่ส่วนตัวที่กำหนดไว้สำหรับเพศชายและเพศหญิงเป็นไปตามเพศกำเนิด ไม่ใช่เพศสภาพ
ส่วนกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ในรัฐบาลทรัมป์ ได้โพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่า ได้ยกเลิกสัญญา 85 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ ความเสมอภาค การมีส่วนร่วม และการเข้าถึง หรือ ดีอีไอรวมทั้งหมด 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,800 ล้านบาท) ในหน่วยงานต่างๆ
ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) ให้ยุติการให้ทุนหรือการสนับสนุนของรัฐบาลกลางแก่การดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเพศให้เยาวชน หลังจากก่อนหน้านี้สั่งห้ามผู้แปลงเพศรับราชการทหาร ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขากล่าวว่า จะห้ามนำเงินของรัฐบาลไปใช้ส่งเสริมอุดมการณ์ทางเพศ อันเป็นคำกว้างๆที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักใช้อ้างอิงถึงอุดมการณ์ใดๆที่ส่งเสริมทัศนะที่ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมประเพณีเรื่องรสนิยมทางเพศและเพศสภาพ ขณะที่กลุ่มสิทธิฯมองว่า คำนี้ต่อต้านกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศและด้อยค่าความเป็นมนุษย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี