ทรัมป์โทษเฮลิคอปเตอร์บินสูงไป
วอชิงตัน - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงข้อความลงบนสื่อสังคมออนไลน์โดยอ้างว่า เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก ของกองทัพสหรัฐฯ บินอยู่ในระดับความสูงที่เกินกำหนดไปมาก ในระหว่างที่ชนกับเครื่องบินโดยสารสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอเอ 5342 ที่กำลังจะลงจอดในท่าอากาศยาน โรนัลด์ เรแกน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินโดยสารรวม 64 คน และทหารอีก 3 นายบนเฮลิคอปเตอร์เสียชีวิตทั้งหมด ด้านโฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความดังกล่าวโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ซึ่งทรัมป์ก็ได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้
ขณะที่ข้อมูลติดตามเที่ยวบินช่วงก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ แสดงให้เห็นว่า เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก บินอยู่สูงเกินกว่าระดับความสูงที่ได้รับอนุญาตราว 100 ฟุต แถมยังเบี่ยงออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้ไปทางตะวันออกของแม่น้ำโพโตแมค ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยังคงเร่งค้นหาร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดที่ตกลงไปในแม่น้ำโพโตแมค ซึ่งล่าสุด มีรายงานว่าสามารถกู้ขึ้นมาได้แล้วทั้งหมด 41 ราย จากทั้งหมด 67 ราย และสามารถกู้กล่องดำของเฮลิคอปเตอร์ได้แล้ว
รัสเซียประณามระบบป้องกันใหม่สหรัฐฯ
มอสโก - โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงการณ์ประณามคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่มีคำสั่งให้พัฒนาระบบ “อเมริกัน ไอออน โดม” ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ของสหรัฐฯ เอาไว้รับมือกับการโจมตีจากขีปนาวุธพิสัยไกล ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง และขีปนาวุธอื่นๆ ทางอากาศ โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าว เป็นความพยายามที่จะทำลายสมดุลด้านอาวุธนิวเคลียร์ของโลก และว่า การเสริมความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และการพัฒนาเครื่องมือสำหรับใช้ปฏิบัติการทางทหารในอวกาศ รวมถึงการพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธจากอวกาศ ยังแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของสหรัฐฯ ว่าต้องการเปลี่ยนอวกาศให้กลายเป็นสมรภูมิรบสำหรับใช้ในการเผชิญหน้าทางทหาร ขณะที่ทำเนียบขาว ระบุว่า เป้าหมายของสหรัฐฯ คือพัฒนาระบบป้องกันที่ล้าสมัยให้ทันสมัยขึ้น เพื่อพร้อมรับมือกับคู่แข่งที่พัฒนาอาวุธรูปแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม ตัวแทนรัสเซีย ระบุว่า แผนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดทอนความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียและจีน
เสนอหญิงแท้งบุตรได้สิทธิ์ลาคลอด
เบอร์ลิน – สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี ลงมติเกือบเอกฉันท์ สนับสนุนร่างกฎหมายให้สิทธ์ิในการลาคลอด สำหรับสตรีที่แท้งบุตรหลัง 13 สัปดาห์ เพื่อใช้เวลาดังกล่าว ในการฟื้นฟูทั้งร่างกาย และจิตใจที่บอบช้ำ ตามกฎหมายปัจจุบันของเยอรมนี ผู้หญิงจะสามารถใช้สิทธิ์ในการลาคลอด และได้รับเงินเดือนปกติได้ ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ก่อนคลอด ไปจนถึง 8 สัปดาห์หลังจากที่คลอดบุตรแล้ว รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 14 สัปดาห์ โดยไม่ได้รวมสิทธิ์ดังกล่าวสำหรับหญิงที่แท้งบุตรแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ ผู้หญิงที่แท้งบุตร ก่อนอายุครรภ์ 24 สัปดาห์ จะต้องใช้สิทธิ์ลาป่วย แต่ภายในกฎหมายใหม่นี้ ผู้หญิงที่แท้งบุตรหลังอายุครรภ์ 13 สัปดาห์ สามารถเลือกใช้สิทธิ์ลาคลอดได้ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายใหม่นี้ จะยังถูกถกเถียงต่อในสภาสูงของเยอรมนี ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้หากได้รับการสนับสนุน ก็จะมีผลบังคับใช้ได้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ทันที มีการประเมินว่า มีหญิงที่แท้งบุตรราว 6,000 รายต่อปี ในเยอรมนี ระหว่างอายุครรภ์ 13-24 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การแท้งบุตรส่วนใหญ่ ราว 84,000 กรณี เกิดขึ้นก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี