เม็กซิโกซิตี/วอชิงตัน (รอยเตอร์ส/ บีบีซี นิวส์) - หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดสงครามการค้ากับเม็กซิโกและแคนาดา ด้วยการเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 ทำให้ทั้งสองชาติประกาศจะตอบโต้ แต่ทรัมป์ยังยืนกรานเดินหน้า ระบุแทบทุกประเทศในโลกเอาเปรียบสหรัฐฯ เปรยเตรียมใช้มาตรการภาษีเล่นงานสหภาพยุโรป หรืออียู ด้วย

ประธานาธิบดีคลอเดีย ไซน์บาว์ม ผู้นำเม็กซิโก แถลงว่า ได้สั่งการให้จัดเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าสหรัฐเพื่อตอบโต้แล้ว หลังจากที่รัฐบาลได้พยายามเลี่ยงการเผชิญหน้าเพื่อเจรจาหารือ แต่ก็ไม่เป็นผล พร้อมกับกล่าวด้วยว่า ประชาชนชาวอเมริกันจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการภาษีของทรัมป์ ส่วนข้อกล่าวหาที่ทรัมป์อ้างรัฐบาลเม็กซิโกได้ประโยชน์จากแก๊งค้ายาเสพติดนั้นไม่เป็นจริง และที่ผ่านมา รัฐบาลเม็กซิโกได้ปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก จับกุมผู้ต้องหาได้นับหมื่นคนเธอยังระบุด้วยว่า ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการกำหนดขึ้นภาษี แต่ต้องใช้วิธีการเจรจาหารือกัน

ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ได้ประกาศด้วยว่าจะตอบโต้ด้วยการจัดเก็บภาษีกับสินค้าจากสหรัฐ มูลค่ารวม 107,000 ดอลลาร์สหรัฐ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลไม้และเครื่องใช้ในครัวเรือน พร้อมกับระบุเช่นเดียวกับผู้นำเม็กซิโกว่า ชาวอเมริกันต่างหากที่จะได้รับผลร้ายจากมาตรการภาษี ทรูโดยังได้ถือโอกาสนี้ส่งสารไปยังชาวแคนาดาทุกคนด้วยว่า ช่วงนี้แคนาดากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงขอความร่วมมือจากทุกคนให้เน้นการซื้อผลิตภัณฑ์ในประเทศ รวมถึงขอให้ทุกคนสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ในแคนาดา รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยว พร้อมทั้งขอให้ทุกคนเลือกท่องเที่ยวในประเทศแทนเลือกไปเที่ยวต่างประเทศ

ล่าสุด ทรัมป์ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หากแคนาดาประกาศใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯร้อยละ 25 ก็มีโอกาสที่เขาจะตัดสินใจขึ้นภาษีจากแคนาดาเพิ่มไปอีก พร้อมกับระบุว่าแคนาดาเอาเปรียบสหรัฐฯ มานานหลายปีแล้ว และแม้ว่าตัวเขาจะรักชาวแคนาดา แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้นำแคนาดาทำ ทรัมป์ยังยืนยันว่า มาตรการภาษีนี้อาจมีผลร้ายต่อชาวอเมริกันในระยะสั้นเท่านั้นซึ่งทุกคนเข้าใจ แต่ในระยะยาวเขายืนกรานว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะประเทศเหล่านี้เป็นหนี้สหรัฐฯ และต้องชดใช้

ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ยังเปรยว่า จะใช้มาตรการภาษีเช่นนี้กับสหภาพยุโรป หรืออียู ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ด้วยอย่างแน่นอน แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเมื่อไหร่ พร้อมกับกล่าวหาว่าอียูไม่นำเข้ายานยนต์จากสหรัฐฯ ไม่นำเข้าผลผลิตทางการเกษตร เรียกว่าแทบจะไม่นำเข้าสินค้าอะไรจากสหรัฐฯ เลย สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบจากเกือบทุกประเทศในโลก จะเห็นว่าสหรัฐฯ ขาดดุลกับแทบทุกประเทศ และตัวเขาก็จะแก้ไขเรื่องนี้

สถานการณ์เช่นนี้สร้างความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก การซื้อขายตลาดหุ้นวานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นต่างๆ ในเอเชียต่างดิ่งลง ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงลดลงร้อยละ 2 ส่วนดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.6 ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้ก็ลดลงร้อยละ 3 แต่ตลาดเซี่ยงไฮ้ยังปิดช่วงตรุษจีนอยู่