วอชิงตัน (รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น/บีบีซี นิวส์)-ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯสั่งระงับจัดเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้านำเข้าแคนาดาและเม็กซิโกไว้ก่อน 30 วัน โดยให้เหตุผลว่าเจรจากับผู้นำสองชาติ ขณะที่คำสั่งยุบหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ USAID เริ่มส่งผลกระทบทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ
สื่อในสหรัฐฯ รายงานว่า ก่อนที่สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ตามนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพียง 1 วัน ทรัมป์ได้โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโก และนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโดผู้นำแคนาดา ก่อนที่จะตกลงกันได้ว่าทั้งสองประเทศจะสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ โดยจะใช้ช่วงเวลา 1 เดือนนี้เจรจากันต่อไป ซึ่งในช่วงนี้ สหรัฐฯ จะชะลอมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราร้อยละ 25 จากทั้งสองประเทศ ทำให้สถานการณ์ตลาดทุนทั่วโลกผ่อนคลายหลังจากที่ทรัมป์ลงนามคำสั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในการเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาในอัตราร้อยละ 25 จนตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน จากความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้เริ่มเพิ่มภาษีนำเข้ากับสินค้าจีน ร้อยละ 10 มีผลตั้งแต่ช่วงเที่ยงวานนี้ตามเวลาไทย (4 ก.พ.) แล้วยังขู่ว่าอาจกำหนดภาษีเพิ่มอีกด้วย แต่ก็มีโอกาสที่ทรัมป์อาจจะเปลี่ยนใจเช่นเดียวกับกรณีเม็กซิโกและแคนาดา เนื่องจากเขาเผยว่าจะหารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในสัปดาห์นี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินเบื้องต้นว่า ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการเพิ่มภาษีกับจีน คือ บรรดาบริษัทอี-คอมเมิร์ซ เนื่องจากคำสั่งกำหนดให้ยุติการยกเว้นภาษีกับสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำ ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยให้บริษัทอี-คอมเมิร์ซ ของจีนส่งสินค้าเข้าไปสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ได้เกิดความวุ่นวายในสหรัฐเองจากนโยบายของทรัมป์ให้การยุบหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ USAID แล้วให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีการปิดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ของ USAID ให้เข้าทำงานในสำนักงานที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และให้ทำงานจากระยะไกลแทน ส่งผลให้มีประชาชน เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงนักการเมืองจากพรรคเดโมแครต รวมตัวประท้วงหน้าสำนักงาน ขณะที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศได้ประกาศตัวว่าเป็นผู้กำกับดูแล USAID แล้ว ยูเสด ไม่ได้เป็นองค์กรอิสระ และจำเป็นต้องปฏิบัติตามทิศทางที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กำหนด ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในทำเนียบขาวสหรัฐฯเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์พิจารณารวม USAID เข้าไปอยู่ในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้เงินของ USAID สอดคล้องกับวาระรัฐบาลทรัมป์
สำหรับสาเหตุที่ทรัมป์ ต้องการยุบ USAID นั้น เนื่องจากเขาเห็นว่างานของ USAID เป็นการสิ้นเปลืองและไม่มีประโยชน์ แม้ว่าจะก่อตั้งมานานกว่า 60 ปี และถือเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานความช่วยเหลือและผลักดันนโยบายต่างประเทศตั้งแต่ยุคสงครามเย็น โดยในปัจจุบัน USAID รับผิดชอบในการบริหารเงินช่วยเหลือราวร้อยละ 60 สำหรับต่างประเทศ เมื่อปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมตั้งแต่สุขภาพของผู้หญิงที่อาศัยในเขตต่างๆ ที่เกิดความขัดแย้ง ไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษาเอชไอวี/เอดส์ ความมั่นคงด้านพลังงาน และการต่อต้านทุจริต รวมถึงงบประมาณที่ช่วยเหลือโครงการผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งก็น่าจะกระทบต่อภารกิจของโรงพยาบาลสนามในค่ายผู้ลี้ภัยหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในไทยด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี