เทลอาวีฟ/กาซาซิตี (รอยเตอร์/อัลจาซีรา/บีบีซี นิวส์) - แรงงานชาวไทย 5 คนออกจากโรงพยาบาลในอิสราเอล หลังได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาสตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนเดินทางกลับบ้านเกิดวันนี้ ขณะที่กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลชุดล่าสุดเพิ่มอีก 3 ราย แลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ 183 คน

สื่อในอิสราเอลรายงานว่า แรงงานชาวไทย 5 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออกจากโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ชามีร์ ของอิสราเอลเมื่อวานนี้ ( 8 ก.พ.) โดยทั้ง 5 คนประกอบด้วย นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา, เสถียร สุวรรณคำ, วัชระ ศรีอ้วน, บรรณวัชร แซ่ท้าว และสุระศักดิ์ ลำเนา ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน ทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพจากแพทย์ ที่ระบุว่าร่างกายแข็งแรงดี พร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทยร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น (9 ก.พ.)

 แรงงานไทยทั้ง 5 คน ถูกจับตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เมื่อกลุ่มฮามาสบุกข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอล และสังหารผู้คนไปประมาณ 1,200 คน ซึ่งระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว กลุ่มหัวรุนแรงได้สังหารแรงงานชาวไทยไป 39 คน และลักพาตัวอีก 30 คน พร้อมกับตัวประกันคนอื่นๆ อีกกว่า 1,200 คน โดยการโจมตีของกลุ่มฮามาส ยั่วยุให้อิสราเอลตอบโต้จนสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อกาซา และมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 47,000 คน

ในข้อตกลงหยุดยิงก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีแรงงานไทยได้รับการปล่อยตัว 23 คน

ทั้งนี้ ก่อนเกิดสงคราม มีแรงงานไทยประมาณ 30,000 คน ทำงานอยู่ในภาคการเกษตรของอิสราเอล ซึ่งถือเป็นแรงงานต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดในอิสราเอล

ด้านกลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลเพิ่มอีก 3 คนเมื่อวานนี้ ( 8 ก.พ.) ได้แก่ โอฮัด เบน อามี และ เอลี ชาราบี ทั้งสองคนถูกจับเป็นตัวประกันจากชุมชนเกษตร คิบบุตซ์ เบเอรี ระหว่างกลุ่มติดอาวุธที่นำโดยฮามาสบุกข้ามพรมแดนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 และอีกคน คือ ออร์ เลวี ถูกลักพาตัวในวันเดียวกันจากเทศกาลดนตรีโนวา ขณะที่อิสราเอลก็ได้ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 183 คนออกจากเรือนจำในอิสราเอลเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึง 18 คนที่ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต หลังจากเกิดความล่าช้าในการเปิดเผยรายชื่อและปล่อยตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอุปสรรคอยู่เบื้องหลังข้อตกลงหยุดยิงอันเปราะบางที่มุ่งยุติสงครามในฉนวนกาซา

ทั้งนี้ ฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่าทำให้รถบรรทุกหลายร้อยคัน ที่บรรทุกอาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์อื่น ๆ ที่ตกลงกันไว้ภายใต้ข้อตกลงสงบศึกที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคม เกิดความล่าช้า และยังกักตุนซุกซ่อนเต็นท์และบ้านเคลื่อนที่เกือบทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นชาวปาเลสไตน์ ที่กำลังเดินทางกลับบ้านที่เหลือแต่ซากจากการถูกโจมตี