เออเรอบรู (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - รัฐบาลสวีเดน ประกาศคุมเข้มอาวุธปืน หลังคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนไรเฟิลกราดยิงที่ศูนย์การศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ในเมืองเออเรอบรู เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งถือเป็นเหตุกราดยิงที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

รัฐบาลฝ่ายขวาของสวีเดน แถลงเมื่อวันศุกร์ (7 ก.พ.) ว่า จะเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายอาวุธ หลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงสังหารหมู่ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ศูนย์การศึกษาผู้ใหญ่ แคมปัส ริสเบิร์กสกา ในเมืองเออเรอบรู เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ก.พ.) ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีกนับสิบคน โดยผู้ก่อเหตุ ซึ่งสื่อสวีเดนหลายสำนักรายงานว่า ชื่อ ริชาร์ด อันเดอร์สสัน ชายชาวสวีเดนวัย 35 ปี ดูเหมือนว่าจะใช้ปืนไรเฟิลที่มีใบอนุญาตของตนเองหลายกระบอกเป็นอาวุธ ซึ่งหลังก่อเหตุเขาหันปากกระบอกปืนยิงตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ แถลงว่า จนถึงขณะนี้ พวกเขาไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่แสดงถึงแรงจูงใจทางอุดมการณ์

รัฐบาลเห็นพ้องต้องกันกับกลุ่มผู้สนับสนุนขวาจัดในรัฐสภา ที่จะเข้มงวดกระบวนการตรวจสอบบุคคลที่ยื่นขอใบอนุญาตมีอาวุธปืน และกวาดล้างอาวุธกึ่งอัตโนมัติบางชนิด เช่น  AR-15 ซึ่งเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมที่ได้รับการออกแบบตามแบบของกองทัพ และถูกนำมาใช้ในเหตุการณ์กราดยิงหลายครั้งในสหรัฐฯ ถือเป็นปืนประเภทที่ต้องถูกห้ามด้วย

ด้าน กุนนาร์ สตรอมเมอร์ รัฐมนตรียุติธรรมของสวีเดน เผยว่า เมื่อคำนึงถึงเหตุกราดยิงที่เลวร้ายครั้งนี้ รัฐบาลเชื่อว่า ความสมดุลที่ถูกต้องเหมาะสม คือการยกเลิกกฎระเบียบและห้ามอาวุธประเภทดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ามีการใช้ปืนประเภทใดในการโจมตีในเมืองเออเรอบรู แต่การห้ามใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม AR-15 ถือเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างตำรวจและคณะกรรมการสุขภาพและสวัสดิการแห่งชาติเกี่ยวกับบุคคลที่ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ครอบครองปืน ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ด้วย

ทั้งนี้ ปืนไรเฟิล AR-15 ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการล่าสัตว์ตั้งแต่ปี 2566 และสตรอมเมอร์ กล่าวว่า มีการอนุญาตให้ใช้ปืนไรเฟิลประมาณ 3,500 กระบอกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สำหรับในส่วนของผู้เสียชีวิต มีการเปิดเผยข้อมูลว่า เป็นหญิง 7 คน ชาย 3 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองต่างชาติ รวมถึงชาวซีเรียและบอสเนียที่อพยพเข้าไปอยู่ในสวีเดน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการประกอบพิธีไว้อาลัยและรำลึกถึงผู้เสียชีวิตบางคนในเมืองเออเรอบรู โดยมีสมาชิกชุมชนผู้อพยพเข้าร่วมจำนวนมาก