ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ58บาท/ลิตร
‘เมียวดี’วิกฤต!
หลังถูกไทยตัดไฟ-ส่งออกน้ำมัน
พญาตองซูขาดแคลนน้ำดื่ม
รง.ปิดตกงานอื้อ-โจรชุกชุม
ตัดไฟ-งดส่งออกน้ำมัน-ตัดเนต 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมา เป็นวันที่ 5 เริ่มส่งผลทำให้หลายเมืองของเมียนมาวิกฤต ทั้งเมียวดีที่น้ำมันใกล้หมดปั๊ม ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นโดยดีเซลลิตรละ 63 บาท เบนซิน58 บาทต่อลิตร และต้องจำกัดการเติม ขณะที่มีรายงานผวจ.ตากนัดถกยกระดับมาตรการห้ามส่งออกน้ำมัน เล็งห้ามนำแกลลอนเข้ามาซื้อน้ำมัน ด้านพญาตองซูสาหัสไม่แพ้กัน น้ำมันใกล้หมดอาหาร-น้ำดื่มขาดแคลน รง.ทยอยเปิดตัวคนตกงานอื้อ โจรเริ่มชุก
ความคืบหน้าหลังรัฐบาลไทยใช้มาตรการตัดไฟฟ้าระบบสื่อสาร รวมถึงระงับการส่งน้ำมันเชื้อเพลิง 5 จุด บริเวณชายแดนไทย-เมียนมามาเป็นเวลา 4 คืน 5 วัน เพื่อตัดช่องทางกลุ่มจีนเทาหรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่ระบาดหนักอยู่แนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทย
เมียวดีวิกฤติขาดแคลนน้ำมันราคาพุ่ง
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงาน เหตุการณ์ในอ.แม่สอด จ.ตาก หลังระงับการจ่ายไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และระงับการส่งออกน้ำมัน ไปในฝั่งประเทศเมียนมาว่า สถานการณ์สะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (เปิดบริการ 06.00 น.- 18.00 น.) เดินทางเข้าและออก ด่านพรหมแดนได้ตามปกติ ส่วนสถานการณ์สะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 (เปิดบริการ 06.30 น.- 18.30 น.) สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าได้ตามปกติ สำหรับสถานการณ์ท่าข้ามสินค้าในอ.แม่สอด สามารถส่งสินค้าได้ตามปกติ
ส่วนการส่งออกน้ำมัน บริเวณสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และ ท่าข้ามสินค้า ได้ระงับการส่งออก รถบรรทุกน้ำมันคงค้าง 41 คัน บริเวณจุดตรวจร่วมตราชั่ง ท่าข้ามสินค้าหมายเลข 10
สถานการณ์อื่นในพื้นที่นั้น สถานีบริการน้ำมัน ตัวเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา สถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ ในตัวเมืองเปิดให้บริการ แต่จำกัดการเติม และสถานีขนาดเล็กปิดบริการชั่วคราว เนื่องจากขาดแคลนน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันปัจจุบันฝั่งจ.เมียวดี ปรับราคา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เวลา 07.00 น. ดีเซล 3,960 จ๊าด/ลิตรหรือประมาณ 63.66 บาท ส่วนน้ำมันเบนซิน 95 3,620 จ๊าด/ลิตร หรือประมาณ 58.19 บาท
ตากถก10กพ.ห้ามซื้อน้ำมันใส่แกลลอน
นอกจากนี้ ในจ.เมียวดีได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์และการค้ามนุษย์ ในบริเวณตัวเมืองและริมแม่น้ำเมย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตากเรียกประชุมพลังงานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการเรื่องของพลังงานน้ำมัน อาจไม่ให้ผู้ที่มาเติมใส่แกลลอนน้ำมัน กลับออกไปยังฝั่งประเทศเมียนมา
พญาตองซูสาหัสขาดแคลนอาหาร-น้ำดื่ม
ด้านบรรยากาศบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พื้นที่แนวตะเข็บชายแดนติดต่อกับอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมาที่ต้องโดนตัดไฟฟ้า น้ำ น้ำมันเชื้อเพลิง ตามนโยบายรัฐบาล ป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือจีนเทา เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ อาชญากรรม ยาเสพติดหลบหนีเข้าเมือง
รายงานจากแหล่งข่าวแจ้งว่า ประชาชนทั่วไปของอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ประสบปัญหาสาธารณูปโภคของใช้ชีวิตประจำวัน อาหารรวมถึงน้ำดื่มน้ำใช้ สถานีดับเพลิงอำเภอพญาตองซู ส่งรถน้ำดับเพลิงเพื่อไปเร่งแจกจ่ายน้ำให้ประชาชนตามจุดชุมชน ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากนำแกลลอนมาต่อแถวขอรับน้ำ ส่วนกลางคืน ซึ่งเป็นคืนวันที่ 4 ที่โดนตัดกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทย ชาวบ้านอำเภอพญาตองซู เริ่มปรับตัว และหาซื้ออุปกรณ์แสงสว่างโซล่าเซลล์ จากจังหวัดเมาะละแม่ง ประเทศเมียนมา นำมาใช้ในครัวเรือน ทำให้วันนี้มีแสงสว่างจากไฟโซล่าเซลล์สว่างมากขึ้นในพื้นที่อำเภอพญาตองซู
ใกล้วิกฤติน้ำมันหมด-รง.ปิด-โจรชุม
ด้านการศึกษาโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ยังเปิดการสอนการเรียนตามปกติ โดยใช้วิธีเปิดหน้าต่างใน รับแสงแดดให้สว่าง เพื่อทำการเรียนการสอนหนังสือให้นักเรียน น้ำมันเชื้อเพลิงตามปั๊มน้ำมันในพื้นที่ได้มีประชาชนมาแย่งกันซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนมากต่อแถวยาวออกนอกปั๊ม แม้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้นลิตรละ 60 บาท ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เพียงพอต่อความต้องการ คาดการณ์ว่าเร็ววันนี้น้ำมันในฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมาจะขาดตลาดแน่นอน ขณะเดียวกัน มีปัญหาแรงงานพื้นที่อำเภอพญาตองซู โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า อาหารทะเล สถานบริการ ต่างพากันประกาศปิดกิจการชั่วคราว เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าระบบเครื่องจักร จึงไม่สามารถทำงานได้ จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีโจรขโมยชุกชุม
ปชป.กระทุ้งรบ.ใช้ยาแรงล้างแก็งคอลฯ
น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงมาตรการของรัฐบาลไทยที่สั่งตัดไฟฟ้าอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ และงดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงใน 5 จุดชายแดนเมียนมาว่า เป็นมาตรการจำเป็นเพื่อสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้พื้นที่ฝั่งเมียนมาเป็นฐานปฏิบัติการ แม้จะส่งผลต่อแก๊งอาชญากรรมน้อย เพราะคงเตรียมสำรองทรัพยากรไว้อยู่แล้ว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร แม้ไทยและเมียนมา มีพรมแดนติดต่อกันกว่า 2,000 กิโลเมตร และมีสัมพันธ์ที่พึ่งพาอาศัยกัน แต่ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายให้ประชาชนไทยมานานควรได้รับการจัดการโดยภาครัฐอย่างจริงจัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์บ้าง แต่ในสายตาคนไทย ถือเป็นความสำคัญอันดับแรกของรัฐบาล
“นี่คือปัญหาระดับชาติ คนไทยทั้งประเทศได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงของขบวนการเหล่านี้ มาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว และที่ผ่านมาทั้งฝ่ายการเมืองและราชการ ต่างรู้ดีว่ามีอาชญากรข้ามชาติ มาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ดังกล่าว แต่ไม่มีมาตรการเด็ดขาด มีแต่มาตรการติดตามหลังถูกหลอกลวง มาตรการส่งเสริมความรู้ให้กลุ่มเสี่ยง แต่มาตรการจัดการต้นทางยังไม่เคยเห็น วันนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องเอาจริงเอาจัง หลังมีมาตรการเริ่มตัดไฟ ฟ้า น้ำมัน และอินเทอร์เน็ต ควรมีมาตรการอื่นตามมา เพื่อกดดันให้อาชญากร ดำเนินงานต่อไม่ได้” น.ส.เจนจิรากล่าว
และว่า ถึงวันนี้คนไทยยังมีข้อสงสัยที่เก็บไว้ในใจว่าภาคส่วนต่างๆในพื้นที่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาตินี้ด้วยหรือไม่ ถึงไม่มีมาตรการอะไรออกมาเลย ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ตัวเองและการรักษาภาพลักษณ์ของหน่วยงานที่สังกัดก็ควรเร่งออกมาตรการ เพื่อกวาดล้างให้อาชญากรรมประเภทนี้หมดไป
สำหรับกระแสคัดค้านและแรงกดดันจากชาวเมียนมาที่ออกมาประท้วงให้ไทยผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรายังจำเป็นต้องกดดันจนกว่าอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะปิดกิจการไป หวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากเพื่อนบ้านให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของเราด้วย ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันกำจัดขบวนการอาชญากรข้ามชาติ เชื่อว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้านหากไม่จำเป็น แต่เราไม่มีทางเลือก มิฉะนั้น เราจะกลายเป็นผู้สนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติไปโดยปริยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี