ปักกิ่ง/วอชิงตัน (รอยเตอร์ส) - สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยกระดับไปอีกขั้น เมื่อวันนี้จีนได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ เพื่อตอบโต้ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้สั่งเพิ่มภาษีกับจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมอีกร้อยละ 25 และขู่ที่จะเพิ่มภาษีกับอีกหลายประเทศ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศเพิ่มภาษีตอบโต้ แทบจะทันทีที่สหรัฐได้เริ่มเพิ่มภาษีกับสินค้าจีน 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ โดยไม่กี่นาทีที่คำสั่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีผลบังคับใช้ จีนก็ได้ประกาศตอบโต้ด้วยมาตรการภาษี สำหรับมาตรการตอบโต้ภาษีของจีน เป็นการเพิ่มภาษีร้อยละ 15 กับถ่านหินและก๊าซแอลเอ็นจี และร้อยละ 10 กับน้ำมันดิบ อุปกรณ์การเกษตร และรถปิกอัพจากสหรัฐฯ นอกจากนั้น ยังควบคุมการส่งออกแร่ธาตุสำคัญไปยังสหรัฐฯ เช่น ทังสเตน และ เทลลูเรียม อีกทั้งจีนยังได้เปิดการสืบสวนกับบริษัทกูเกิลของสหรัฐฯ ในข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดและกีดกันการค้า รวมทั้งนำบริษัทสหรัฐฯ อีก 2 ราย คือ พีวีเอช กรุ๊ป ผู้ส่งออกเครื่องแต่งกาย กับ อิลลูมินา อิงค์ บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เข้าสู่บัญชีหน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจถูกเผชิญข้อจำกัดและบทลงโทษจากจีนได้
ในส่วนของความเห็นผู้ประกอบการรายย่อยค้าในเมืองอี้อู ศูนย์กลางค้าส่งของจีนในมณฑลเจ้อเจียง ส่วนใหญ่ไม่กังวลกับมาตรกาภาษีของสหรัฐฯ เนื่องจากได้เตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว และต่อให้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีถึงร้อยละ 50 พวกเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะสามารถรองรับภาระบางส่วนได้ หลายคนย้ำผู้ที่จะได้รับผลกระทบคือ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ เองที่จะต้องจ่ายแพงขึ้นและขาดแคลนสินค้า
ขณะเดียวกัน ทรัมป์เปิดเผยด้วยว่าเขาเตรียมที่จะใช้มาตรการภาษีร้อยละ 25 กับเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่นำเข้าไปยังสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากภาษีอากรกับผลิตภัณฑ์โลหะที่จัดเก็บอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยแรก เขาเคยกำหนดภาษีเหล็กร้อยละ 25ส่วนอะลูมิเนียม ร้อยละ 10 แต่ต่อมาก็ยกเว้นให้กับประเทศคู่ค้าสำคัญบางประเทศ อาทิ แคนาดา เม็กซิโก และบราซิล จากนั้นเมื่อ โจ ไบเดน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อจากทรัมป์ ก็ขยายข้อยกเว้นนี้ให้กับประเทศพันธมิตรอื่นๆเพิ่มเติม อาทิ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
แม้ว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในสหรัฐฯ จะไม่ได้เน้นที่อุตสาหกรรมการผลิตเหมือนกับในอดีต แต่สหรัฐฯ ก็ยังใช้งานเหล็กปริมาณหลายสิบล้านตันต่อปี ซึ่งจากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ และสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งอเมริกา ระบุว่า แหล่งนำเข้าเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ คือ แคนาดา บราซิล และเม็กซิโก ตามมาด้วยเกาหลีใต้และเวียดนาม ส่วนอะลูมิเนียม แคนาดาถือเป็นแหล่งนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 79 ของการนำเข้าอะลูมิเนียมทั้งหมดในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 11 ก.พ. ทรัมป์ยังจะแถลงรายละเอียดแผนการเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้า ตามที่เปิดเผยครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ต้องการให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติต่อสหรัฐฯ อย่างเท่าเทียม แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นประเทศใด คาดการณ์กันว่า อาจจะเป็นยานยนต์จากยุโรป เนื่องจากทรัมป์เคยกล่าวหลายครั้งว่า ยุโรปจัดเก็บภาษีกับยานยนต์สหรัฐฯ สูงกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี