วอชิงตัน/เม็กซิโกซิตี (รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม แล้วยังเผยว่าเตรียมจะขึ้นภาษีกับสินค้าของอีกหลายประเทศ

ตามนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการปกป้องสินค้าของตน แล้วเพิ่มภาษีกับสินค้าต่างชาติ ทรัมป์ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีร้อยละ 25 กับเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่นำเข้าไปยังสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากภาษีอากรกับผลิตภัณฑ์โลหะที่จัดเก็บอยู่แล้วกับทุกประเทศ โดยปัจจุบัน สหรัฐฯ นำเข้าส่วนใหญ่จากแคนาดา บราซิล เม็กซิโก เกาหลีใต้และออสเตรเลีย แม้ในขณะนี้ยังมีความสับสนอยู่ เนื่องจากทรัมป์ยืนยันว่า ภาษีร้อยละ 25 นี้จะไม่มีข้อยกเว้นให้แก่ประเทศใด แต่เขาเคยตกลงกับทางรัฐบาลออสเตรเลียว่าให้การยกเว้น

อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้จะเริ่มต้นในวันที่ 4 มีนาคม ทำให้คาดกันว่า นี่เป็นกลยุทธ์ของทรัมป์ที่จะใช้เป็นช่องทางให้เกิดการเจรจา ขณะที่ทรัมป์ตอบเลี่ยงๆ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า การเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม จะดันราคาให้แพงขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า ประเทศของเราต้องการเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่ผลิตในอเมริกา ไม่ใช่ในแผ่นดินของประเทศอื่นๆ และในที่สุดแล้ว ราคาจะถูกลง

ขณะเดียวกัน ทรัมป์เผยว่าในอีกไม่กี่วันนี้เขาจะประกาศเก็บภาษีกับสินค้าจากหลายประเทศ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นประเทศใด แล้วยังจะเก็บภาษีโดยเจาะจงกับสินค้าบางประเภท เช่น ยานยนต์ เซมิคอนดัคเตอร์ และ ยารักษาโรค คาดการณ์กันว่า ประเทศที่อาจจะเป็นเป้าหมายหลักของทรัมป์ คือ ประเทศในยุโรป ที่เขาได้ตำหนิหลายครั้งว่า เอาเปรียบสหรัฐฯ รวมไปถึงประเทศต่างๆ ที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่ รวมถึงไทย ซึ่งเป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐในลำดับที่ 12

ด้านประธานาธิบดี คลาวเดีย เชนบามผู้นำหญิงเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่ส่งออกเหล็กกล้าไปยังสหรัฐฯ กล่าวว่ากำลังพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อมาตรการตอบโต้แล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลได้หารือกับภาคเอกชน เพื่อรับมือส่วนแคนาดานั้น ยังไม่มีแถลงจากรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ในรัฐออนแทริโอ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเหล็กกล้าสำคัญกล่าวว่า มาตรการภาษีสร้างความวุ่นวาย เสี่ยงต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยไม่มีใครจะได้ประโยชน์