12 ก.พ. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ Thailand's big casino gamble hangs on fine print of regulations ว่าด้วยการที่ประเทศไทยต้องการเพิ่ม “อุตสาหกรรมกาสิโน (casino industry)” เข้ามาหนุนเสริมภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต แต่อีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป้าหมายของไทยจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีกฎระเบียบที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ไทยมีประวัติที่ไม่ค่อยดีนัก ในกรณีปลดล็อกกัญชาพ้นจากการเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายในปี 2565
เฟรดริก กูชิน (Fredric Gushin) จาก Spectrum Gaming Group ซึ่งช่วยให้สิงคโปร์พัฒนาอุตสาหกรรมกาสิโนให้กลายเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากมาเก๊าและลาสเวกัส กล่าวว่า ประเทศไทยต้องการกระบวนการที่โปร่งใสที่จะปกป้องการลงทุนด้วยกฎระเบียบที่เหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในหนึ่งชั่วอายุคน ทั้งนี้ ตามการประมาณการบางส่วน ไทยมีศักยภาพที่จะแซงหน้ากาสิโนหรูหราของสิงคโปร์ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะดึงดูดผู้เล่นใหญ่อย่าง Las Vegas Sands Corp , MGM Resorts International และ Galaxy Entertainment
บริษัทที่ปรึกษา 2 ราย กล่าวว่า เพื่อดึงดูดบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้ ทางการไทยจะต้องต่อสู้กับการรับรู้ที่ว่าเอื้อประโยชน์ต่อผู้เล่นในประเทศรายใหญ่ ใช้กระบวนการพัฒนาที่เปิดกว้างและมีการแข่งขัน และสร้างความสมดุลที่ละเอียดอ่อนกับนักพนันในประเทศ โดยเมื่อเดือนที่ ม.ค. 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติร่างกฎหมายเพื่อทำให้การพนันในสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ถูกกฎหมาย เพื่อเป็นวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) จะขยายตัวน้อยกว่าร้อยละ 2.9 ในปี 2568 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้านี้
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ทบทวนร่างกฎหมายฉบับล่าสุดที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งกำหนดคณะกรรมาธิการชุดใหม่เพื่อควบคุมดูแลการพนันและประสานงานกับนักลงทุนในการจัดตั้งคอมเพล็กซ์ดังกล่าว ขณะที่บริษัทด้านการเงินระดับโลกอย่าง ซิตี้ (Citi) ระบุในรายงานการวิจัยเมื่อเดือน พ.ย. 2567 ว่า การประเมินว่ารายได้จากการพนันรวมของไทยอาจสูงถึง 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อดำเนินการเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ไทยแซงหน้าสิงคโปร์ ซึ่งกาสิโนของสิงคโปร์ซึ่งตั้งอยู่ในรีสอร์ทที่มีบริการความบันเทิงหลากหลาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของหมวดหมู่รายรับจากนักท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2567
ศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการพนัน โดยมีกาสิโนที่เสนอให้เปิดในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ บนเกาะทางใต้อย่างภูเก็ตซึ่งเป็นเกาะสำหรับพักผ่อน และสถานที่อื่นๆ อีก 3 แห่ง เป็นผลมาจากบทบาทของไทยในฐานะแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวในภูมิภาค ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.55 ล้านคนเดินทางมาในปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.27 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ใกล้เคียงกับสถิติก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ 39.9 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งช่วยสร้างรายได้ 1.91 ล้านล้านบาท (56,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แต่อีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่าคนไทยที่เล่นการพนันมีแนวโน้มจะถูกดึงดูดให้มาเล่นในกาสิโน ท่ามกลางระดับหนี้ครัวเรือนซึ่งสูงที่สุดในทวีปเอเชีย จึงมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยอนุญาตให้เล่นการพนันในสนามแข่งม้าที่ควบคุมโดยรัฐ ลอตเตอรี่ และพนันกีฬาบางประเภท เช่น มวย ขณะที่รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองแนวทางประชานิยม หวังว่าแผนดังกล่าวจะดึงดูดการลงทุนใหม่ได้อย่างน้อย 1 แสนล้านบาท (3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อกระตุ้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเยือนร้อยละ 5-10 ต่อปี สร้างรายได้มากกว่า 12,000 ล้านบาท
เศรษฐกิจของไทยซึ่งถูกครอบงำโดยครอบครัวมหาเศรษฐีที่เติบโตในประเทศ มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องทุนนิยมพวกพ้อง โดยมีประวัติที่ภาครัฐให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่นักลงทุนอาจกังวล ดังนั้น กูชิน คาดหวังว่ารัฐบาลไทยจะเน้นย้ำถึง “การแข่งขันที่แท้จริง” เนื่องจากรัฐบาลจะขอข้อเสนอ (RFP) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้ประกอบการไทยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีบางแห่งกำลังมองหาโอกาสจากนโยบายนี้
พ.อ. พันธุ์ธัช แสงโชติ (Phantat Sangchot) เลขาธิการกิตติมศักดิ์ ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ยอมรับว่าสนใจและพร้อมจะยื่นข้อเสนอ โดยมีแผนที่จะลงทุนสูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.5 แสนล้านบาท) สำหรับรีสอร์ทที่มีกาสิโนและสถานที่แข่งม้าใน 3 เมือง
เช่นเดียวกับ พสุ ลิปตพัลลภ (Pasu Liptapanlop) กรรมการบริษัท พราวด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล 2 แห่งในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีความสนใจที่จะร่วมมือกับบริษัทเกมพนันระดับนานาชาติ ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการโรงแรม ได้ยินการถกเถียงเกี่ยวกับความจำเป็นในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงเข้ามาแทนที่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญในทิศทางนั้น
อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนนโยบายการอนุญาตให้เปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมายยังมีจำกัดในหมู่ประชาชน โดยผลสำรวจในเดือน ม.ค. 2568 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามเกือบร้อยละ 60%จากทั้งหมด 1,310 คนไม่สนับสนุนแผนดังกล่าว เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยสนับสนุนการปกครองของรัฐบาลทหาร แต่ปัจจุบันได้กลายไปเป็นฝ่ายค้าน แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย เพราะกังวลเรื่องปัญหาการพนันและหนี้ครัวเรือนจะรุนแรงขึ้น โดยในเดือน ก.พ. 2568 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย (Piya Tavichai) โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้ความเห็นว่า ปัญหานี้จะเป็นอันตรายเหมือนมะเร็งร้ายที่ทำลายสังคมของเรา
รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า ขนาดประชากรของประเทศไทยบ่งชี้ว่านักพนันซึ่งเป็นคนในประเทศยังคงเป็นแรงดึงดูดที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุน โดยซิตี้ประเมินว่าประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปอาจเข้าไปเล่นการพนันในกาสิโน ซึ่งจำนวนดังกล่าวจะเกินจำนวนพลเมืองสิงคโปร์และชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้อยู่อาศัยถาวร 99,000 คน หรือประมาณร้อยละ 3 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของประเทศเกาะแห่งนี้ ซึ่งเคยเข้าไปในกาสิโนในปี 2566 อย่างมาก
แดเนียล เฉิง (Daniel Cheng) ที่ปรึกษาด้านธุรกิจการพนันในสิงคโปร์ กล่าวว่า การใช้มาตรการป้องกันทางสังคมที่เข้มแข็งจะเป็นการทำหน้าที่รักษาสมดุล เนื่องจากนักลงทุนที่มีศักยภาพจะจับตาดูกฎระเบียบอย่างใกล้ชิด หากกลายเป็นภาระมากเกินไป ผู้คนก็จะเข้าร่วมน้อยลง และมูลค่าพื้นฐานของประชากรท้องถิ่น 66 ล้านคนก็จะเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วมาก
ขอบคุณเรื่องจาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/politic/825009 เปิดชื่อ'อดีตบิ๊กทหาร'บอร์ดราชตฤณมัยฯ ระดมทุนผุด'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์'
https://www.naewna.com/inter/856139 แม้กระแสต้านแรง! สื่อนอกจับตารัฐบาลไทยดัน‘กาสิโน’ถูกกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี