12 ก.พ. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว USAID watchdog fired after critical report on the bid to dismantle the agency ระบุว่า พอล มาร์ติน (Paul Martin) ผู้ตรวจสอบประจำหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) ถูกปลดออกเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2568 หลังจากที่เขาเผยแพร่รายงานที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่พยายามจะยุบหน่วยงานดังกล่าว
มาร์ติน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจสอบของ USAID ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2566 กระทั่งได้รับอีเมล ระบุผู้ส่งคือ เทรนต์ มอร์ส (Trent Morse) รองผู้อำนวยการสำนักงานบุคลากรประธานาธิบดี แจ้งว่าตำแหน่งผู้ตรวจสอบของ USAID ถูกยกเลิกโดยมีผลทันที ไม่มีการให้เหตุผลใดๆ และทำเนียบขาวไม่มีความคิดเห็นใดๆ
ในวันที่ 10 ก.พ. 2568 สำนักงานผู้ตรวจสอบของ USAID ได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า การเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ในการยุบ USAID ทำให้ความสามารถในการกำกับดูแลงบประมาณช่วยเหลือที่ยังไม่ได้ถูกเบิกจ่าย ซึ่งมีมูลค่า 8.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.8 แสนล้านบาท) ของ USAID ลดลง โดยการลดจำนวนพนักงานและการสั่งให้หยุดงาน ทำให้ยากที่จะรับประกันได้ว่างบประมาณของ USAID ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน จะถูกส่งต่อไปยังถึงมือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
โครงการ USAID หลายร้อยโครงการทั่วโลกซึ่งคิดเป็นเงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ มูลค่าหลายพันล้านเหรียญต้องหยุดชะงักลงหลังจากที่ทรัมป์สั่งระงับการช่วยเหลือต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าต้องการทำให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"
ในวันที่ 11 ก.พ. 2568 ทรัมป์ กล่าวถึง USAID ว่าเป็นองค์กรที่ไร้ความสามารถและทุจริต ซึ่งก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้สั่งให้มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มิตรสหายใกล้ชิดที่ได้รับมอบหมายภารกิจลดขนาดของภาครัฐในรัฐบาลกลาง ดำเนินการลดขนาดหน่วยงาน USAID ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รวมกันมากกว่า 10,000 คนในประเทศและต่างประเทศ นำมาซึ่งการที่บุคลากรเกือบ 600 คนจะถูกพักงานหรือไล่ออก อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทรัมป์ได้ดำเนินการเพื่อให้พนักงานส่วนใหญ่ของ USAID ลาออกจากงาน แต่ถูกระงับโดยคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568
ในปีงบประมาณ 2566 สหรัฐฯ ได้เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ 72,000 ล้านเหรียญ (ราว 2.52 ล้านบาท) กระจายไปทั่วโลกในโครงการต่างๆ รวมถึงสุขภาพสตรีในเขตพื้นที่ขัดแย้ง การเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษาเอชไอวี/เอดส์ ความมั่นคงด้านพลังงาน และปราบปรามการทุจริต โดยสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ร้อยละ 42 ของโครงการทั้งหมดที่องค์การสหประชาชาติติดตามในปี 2567
เงินทุนดังกล่าว ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยกว่าร้อยละ 1 ของงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในความพยายามของสหรัฐฯ ในการสร้างพันธมิตรทั่วโลก เสริมสร้างการทูต และต่อต้านมหาอำนาจขั้วตรงข้าม เช่น จีนและรัสเซีย ที่แผ่อิทธิพลในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.reuters.com/world/us/head-usaid-watchdog-removed-position-official-says-2025-02-12/
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี