น่าสะพรึงอีกแล้ว!!! โรคลึกลับระบาดในคองโก หลังเด็กกินค้างคาวแล้วตาย ล่าสุดคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 50 คนภายใน 48 ชั่วโมง ขณะที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อไวรัสอีโบลา
26 ก.พ.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 รายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) โดยผู้ป่วยจะเสียชีวิตเพียง 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการเท่านั้น จนถึงวันที่ 16 ก.พ. มีรายงานผู้ป่วย 431 ราย และผู้เสียชีวิต 53 ราย
WHO ระบุว่า โรคระบาดลึกลับที่เกิดขึ้นนี้ แยกกัน 2 กลุ่มในหมู่บ้านห่างไกล โดยพบว่า การระบาดครั้งแรกเริ่มขึ้นในเมืองโบโลโก เขตสุขภาพโบลอมบาเมื่อวันที่ 21 ม.ค. หลังจากมีรายงานว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 3 คนกินค้างคาวแล้วเสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีอาการไข้เลือดออก ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่มีลักษณะอาการไข้ เลือดออก ปวดศีรษะ ปวดข้อ และอาการอื่นๆ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย จากผู้ป่วย 12 ราย ทั้งหมดมีอาการคล้ายกัน
ส่วนการระบาดกลุ่มใหญ่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ในหมู่บ้านโบมาเต เขตสุขภาพบาซานกูซูของจังหวัดเอกวาเตอร์ โดยมีผู้ป่วย 419 ราย และมีผู้เสียชีวิต 45 ราย โดยเกือบครึ่งหนึ่งเสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ ซึ่งรวมถึงมีไข้ ปวดตามร่างกาย อาเจียน และท้องเสีย
WHO ระบุว่า ตัวอย่างจากผู้ป่วย 13 รายไม่พบการติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) และมาร์บวร์ก (Marburg)ขณะที่ทีมแพทย์กำลังตรวจสอบสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ในพื้นที่ เช่น มาลาเรีย อาหารเป็นพิษ ไข้ไทฟอยด์ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือไข้เลือดออกจากไวรัสชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม WHO ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงระหว่างการระบาดทั้งสองกลุ่ม และกำลังตรวจสอบว่าเกิดจากการติดเชื้ออื่น หรือเป็นสารพิษบางชนิดหรือไม่ (แฟ้มภาพ)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี