วอชิงตัน/ลอนดอน (รอยเตอร์ส)-เกิดเหตุการณ์ระทึกกับเครื่องบินโดยสารของสหรัฐฯ อีกครั้ง เมื่อเครื่องบินของสายการบินเซาท์เวสต์ที่กำลังจะลงจอดที่สนามบินในนครชิคาโก หวิดจะชนเข้ากับเครื่องบินอีกลำหนึ่งที่แล่นตัดหน้าเข้ามาบนรันเวย์ของสนามบิน ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ความพยายามค้นหาซากเครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 พร้อมคนบนเครื่อง 239 คน ที่สูญหายในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2014 กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้
สื่อท้องถิ่นในสหรัฐฯ รายงานว่า เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นกับเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเซาท์เวสต์ ที่ออกเดินทางมาจากเมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา เพื่อมาลงจอดที่สนามบินชิคาโก มิดเวย์ในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ช่วงสายของวันอังคารที่ 25 ก.พ. แต่ในขณะที่เครื่องกำลังลดเพดานบินจนล้อเกือบแตะพื้นรันเวย์แล้ว จู่ๆ ก็มีเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กอีกลำหนึ่งแล่นตัดเข้ามาบนรันเวย์ในระยะกระชั้นชิดห่างกันไม่ถึง 200 เมตร ทำให้นักบินเซาท์เวสต์ต้องนำเครื่องเชิดหัวขึ้นบินอีกครั้ง รอดจากการชนกับเครื่องบินลำดังกล่าวไปได้อย่างฉิวเฉียด
เครื่องบินที่แล่นตัดหน้าเป็นเครื่องบินบอมบาเดียร์ขนาด 9 ที่นั่งของสายการบิน เฟล็กซ์เจ็ท ชาลเลนเจอร์ แล่นเข้ามาบนรันเวย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองน็อกซ์วิลล์ รัฐเทนเนสซี ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามการบิน Flightradar 24 รายงานว่าเครื่องบินเซาท์เวสต์ได้ลดระดับลงมาที่ระดับความสูง 15.24 เมตรก่อนจะลงจอดโดยอยู่ห่างจากเครื่องบินเจ็ตเพียง 624 เมตรเท่านั้น ขณะที่เว็บไซต์ของเซาท์เวสต์รายงานว่าลูกเรือของตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยและสามารถนำเครื่องกลับมาลงจอดอีกครั้งโดยไม่มีเหตุขัดข้อง
ในช่วง 2 มาปีมานี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้เครื่องบินของสหรัฐฯ หวิดจะเฉี่ยวชนกันอยู่บ่อยครั้งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านการบิน และงานควบคุมการจราจรทางอากาศที่กำลังขาดแคลนเจ้าหน้าที่ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอฟเอเอได้ดำเนินการตรวจสอบความเสี่ยงที่เกิดจากการบุกรุกรันเวย์ของสนามบินที่พลุกพล่านมากที่สุด 45 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่มีรายงานว่าเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกของเอฟเอเอนั้นล้าสมัย ทั้งยังขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินถึง 3,500 คน
ขณะเดียวกัน เดอะ เทเลกราฟ สื่ออังกฤษรายงานว่า โอเชียน อินฟินิตี บริษัทเทคโนโลยีอเมริกันและอังกฤษ เริ่มฟื้นภารกิจค้นหาเครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 พร้อมคนบนเครื่อง 239 คน ที่สูญหายในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อปี 2557 อีกครั้งในสัปดาห์นี้ มุ่งเน้นการค้นหาไปที่พื้นที่ประมาณ 15,000 ตารางกิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ท รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียของออสเตรเลียราว 1,500 กิโลเมตร ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีโอกาสพบซากเครื่องบินมากที่สุด
โดย โอเชียน อินฟินิตี ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการค้นหาแต่ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อปี 2561 ได้ลงนามในสัญญากับรัฐบาลมาเลเซียเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ว่าหากไม่พบซากเครื่องบิน ก็จะไม่เก็บค่าบริการในการค้นหา
ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 มีจุดหมายปลายทางที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม เครื่องบินขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบินหลังจากขึ้นบินไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ขณะที่เครื่องบินอยู่เหนือทะเลจีนใต้ และไม่มีใครพบเห็นเครื่องบินลำนี้อีกเลยที่ผ่านมา มีเพียงการพบซากชิ้นส่วนบางชิ้นที่เชื่อว่าเป็นของเครื่องบินลำนี้ ตามชายฝั่งในแอฟริกาและเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ส่วนผู้โดยสารทั้ง 227 คน และลูกเรือ12 คน นั้นสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว ในจำนวนนี้เป็นผู้โดยสารชาวจีนกว่า 150 คนที่เหลือเป็นชาวมาเลเซีย 50 คน และอีกหลายสัญชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี