วอชิงตัน (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์/ฟอกซ์นิวส์) - การประชุมร่วมกันระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีผู้นำยูเครน เต็มไปด้วยการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ผู้นำทั้งสองต่างกล่าวหากันไปมาในประเด็นที่เกี่ยวกับรัสเซีย ท้ายที่สุดต้องยกเลิกการแถลงข่าวร่วม และเซเลนสกีเดินทางออกจากทำเนียบขาว ไร้การลงนามข้อตกลงแร่หายาก
ประธานาธิบดี โวโลดิิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เดินทางถึงทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 28 ก.พ. เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และลงนามในข้อตกลงให้สหรัฐ มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมสินแร่ของยูเครน โดยเฉพาะแร่ธาตุหายาก ขณะที่ยูเครนพยายามอย่างหนักที่จะได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ในการทำ สงครามกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็เปิดการเจรจากับทางรัสเซียด้วย
เซเลนสกี ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธของสหรัฐมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเผชิญกับทัศนคติที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากทรัมป์ ซึ่งกล่าวว่าเขาต้องการยุติสงครามที่ดำเนินมา3 ปีโดยเร็ว, ปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัสเซีย และชดเชยเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่ใช้ไปเพื่อสนับสนุนยูเครน
โดยระหว่างการหารือ เซเลนสกีเรียกร้องให้ทรัมป์อย่าประนีประนอมกับฆาตกร โดยอ้างถึงประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก่อนที่เซเลนสกีและทรัมป์ จะเริ่มปะทะคารมกัน หลังเซเลนสกีตั้งคำถามถึงความเอนเอียงของทรัมป์ที่มีต่อรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้ทรัมป์ระมัดระวังกับรัสเซีย ขณะที่ทรัมป์กล่าวหาว่าเซเลนสกีไม่ให้เกียรติ พร้อมกับย้ำว่าปูตินและอเมริกาต้องการบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงคราม
ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเริ่มกลายเป็นการโต้เถียงกันเสียงดัง และลุกลามออกมาอย่างเปิดเผย ทรัมป์ยังยืนกรานว่า เซเลนสกีกำลังแพ้สงครามในยูเครน และกล่าวว่าผู้คนกำลังจะตาย ทหารยูเครนกำลังลดน้อยลง ทรัมป์ยังขู่ที่จะล้มเลิกการสนับสนุนของสหรัฐ ที่มีต่อยูเครน แม้เซเลนสกีจะโต้แย้งคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าเมืองต่างๆ ในยูเครนถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังจากสงครามที่กินเวลานานถึง 3 ปี
ทรัมป์บอกเซเลนสกีในช่วงหนึ่งว่า เขากำลังเดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้านรองประธานาธิบดีสหรัฐ เจดี แวนซ์ แย้งว่า การที่เซเลนสกีมาที่ห้องทำงานรูปไข่เพื่อโต้แย้งมุมมองของเขา ถือเป็นการไม่เคารพ ซึ่งทรัมป์ก็เห็นด้วย และบอกเซเลนสกีว่า เขาต้องทำข้อตกลง มิเช่นนั้นแล้ว สหรัฐจะถอนตัวออกมา การโต้เถียงดุเดือดเกิดขึ้นท่ามกลางนักข่าวจำนวนมาก โดยทั้ง 3 คนหันหน้าเข้าหากัน และเซเลนสกีตกอยู่ในสภาพ 2 รุม 1
สุดท้าย การแถลงข่าวร่วมระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีถูกยกเลิก หลังการประชุมที่มีการโต้เถียงกันดุเดือด ในเวลาต่อมา เซเลนสกีเดินทางออกจากทำเนียบขาว โดยไร้ข้อตกลงและการลงนามเกี่ยวกับแร่หายากของยูเครน และไร้การแถลงข่าวร่วมกัน ก่อให้เกิดคำถามถึงอนาคตและการเอาตัวรอดจากสงครามของยูเครน
ในเวลาต่อมา ทรัมป์โพสต์ข้อความบนเว็บไซต์ Truth Social ของตนเองว่า เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ หากอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเขารู้สึกว่า การมีส่วนร่วมของสหรัฐ ให้ข้อได้เปรียบในกระบวนการเจรจา ทรัมป์ยืนยันว่าเขาไม่ต้องการข้อได้เปรียบ แต่ต้องการสันติภาพ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า เซเลนสกีไม่ให้ความเคารพต่อสหรัฐอเมริกา ในห้องทำงานรูปไข่อันทรงเกียรติ แต่ย้ำว่า ผู้นำยูเครนสามารถกลับมาได้เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ”
ส่วนเซเลนสกีที่ได้เหยียบเข้าไปในทำเนียบขาวเพียง 2 ชั่วโมง ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ของตนเองว่า ขอบคุณอเมริกา ขอบคุณที่สนับสนุน ขอบคุณสำหรับการเยือน ขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐ สภาคองเกรสและชาวอเมริกัน ยูเครนต้องการสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน และเขากำลังทำงานเพื่อสิ่งนั้นโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ข้อตกลงที่เจรจากันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จะเปิดทางให้สหรัฐ เข้าถึงทรัพยากรแร่อันมหาศาลของยูเครนได้ แต่ไม่ได้รวมถึงการค้ำประกันด้านความมั่นคงที่ชัดเจนจากสหรัฐ สำหรับยูเครน ซึ่งยูเครนความหวังว่าจะเกิดขึ้น แต่ทรัมป์กล่าวว่า การที่ชาวอเมริกันเข้ามาทำธุรกิจก็ถือเป็นหลักประกันรูปแบบหนึ่งให้ยูเครนอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี