7 มี.ค. 2568 สำนักข่าว CBC ของแคนาดา รายงานข่าว Americano? Nope. Try a Canadiano at this Montreal café as trade war heats up ระบุว่า ที่เมืองมอนทริออลของแคนาดา บรรดาร้านกาแฟ บาร์และร้านอาหาร ต่างพากันลดจำนวนผลิตภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาออกจากเมนูเพื่อส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 25 กับสินค้าจากแคนาดา

แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก คือที่ร้าน “Coco & Bean” ในย่านเวสต์ ไอส์แลนด์ของมอนทริออล ได้เปลี่ยนชื่อเมนูกาแฟอย่าง “อเมริกาโน (Americano)” เป็น “แคนาเดียโน (Canadiano)”  โดยการเปลี่ยนชื่อเมนูดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 4 มี.ค. 2568 เมื่อมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าที่ทรัมป์กำหนดมีผลบังคับใช้ ซึ่ง จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดา ก็ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราร้อยละ 25 เพื่อตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่ใช้มาตรการดังกล่าวกับแคนาดาเช่นกัน

แอชลีย์ เมอร์ด็อค (Ashley Murdoch) หนึ่งในเจ้าของร่วมของร้าน Coco & Bean กล่าวว่า ร้านของตนกำลังแสดงจุดยืนต่อต้านสหรัฐฯ แต่เป็นการแสดงออกแบบสนุกๆ โดยไม่ต้องการให้ดูเป็นการเมืองจ๋ามากเกินไป การเปลี่ยนชื่อเมนูกาแฟเป็นการแสดงออกว่าร้านพยายามสนับสนุนชุมชนของเราอย่างไร ทั้งนี้ ที่ร้านของตนใช้ส่วนผสมส่วนใหญ่มาจากแคนาดา มีเพียงบางส่วนที่มาจากสหรัฐฯ ดังนั้นจึงมุ่งมั่นที่จะหาซัพพลายเออร์ทางเลือก และหลังจากเริ่มการเปลี่ยนชื่อ ตนสังเกตเสียงตอบรับเชิงบวกจากลูกค้า และตนก็ขอปรบมือให้เจ้าของธุรกิจในท้องถิ่นรายอื่นๆ ที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้ด้วย

เช่นเดียวกับ จอห์น เอ็ดเวิร์ด กัมบลีย์ (John Edward Gumbley) ประธานกลุ่ม JEGantic ซึ่งบริหารบาร์ Yoko Luna  ในเมืองมอนทริออล ได้ตอบโต้ด้วยการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สัญชาติอเมริกัน ทั้งไวน์จากแคลิฟอร์เนีย ว็อดก้าจากไมอามี แม้กระทั่งวิสกี้แบรนด์ดังอย่าง Jack Daniel's ออกจากร้าน แม้ก่อนหน้านี้จะขายดีก็ตาม และแม้สงครามภาษีสินค้านำเข้าจะทำให้ธุรกิจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ กัมบลีย์ กล่าวว่า ตนจะไม่ผลักภาระให้ลูกค้า

“นี่คือ ‘แคนาดาต้องมาก่อน (Canada first)’ และทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะวิธีเดียวที่จะยุติปัญหานี้ได้จริงๆ คือต้องรู้สึกเจ็บปวดด้วย เราต้องหาวิธีต่อสู้กลับและค่อยๆ พัฒนาความเป็นอิสระจากพวกเขา เพื่อที่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” กัมบลีย์ กล่าว

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 4 มี.ค. 2568 Société des alcools du Québec (SAQ) ซึ่งเป็นคณะกรรมการด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรัฐควิเบกของเคนาดา ได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์สัญชาติอเมริกันออกจากชั้นวางสินค้า ตามการขอความร่วมมือของ ฟร็องซัว เลอโกลต์ (François Legault) รวมถึง มอร์รี เบเกอร์ (Morrie Baker) เจ้าของร้าน Burger Bar Crescent ก็ตัดสินใจนำวิสกี้ Jack Daniel's ออกจากร้าน แม้น้ำเมาแบรนด์ดังจากมลรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ จะเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดแข่งรถยนต์ฟอร์มูลาวัน ในเมืองมอนทริออลก็ตาม

เบเกอร์ กล่าวว่า ตนได้เปลี่ยนสูตรเครื่องดื่มโดยหันมาใช้วิสกี้ไรย์คลับของแคนาดา (Canadian Club rye) และแม้จะคาดหวังเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่จะเดินมามาแคนาดาในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากสกุลเงินของแคนาดาอ่อนค่าลง แต่ ณ เวลานี้ ตนขอสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของแคนาดา เพราะตนเชื่อในความเท่าเทียม เมื่อเราเป็นชาวแคนาดา เราก็ต้องพึ่งพาตนเอง

ขอบคุณเรื่องและภาพจาก

https://www.cbc.ca/news/canada/montreal/montreal-restaurants-bars-cafes-trump-tariffs-u-s-canada-1.7475590

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.naewna.com/inter/866267 ‘ทรัมป์’ดีเดย์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า‘แคนาดา-เม็กซิโก-จีน’ ทำอเมริกาเหนือป่วน-หวั่นศก.โลกถดถอย

https://www.naewna.com/inter/867220 ‘ทรัมป์’ล็อกเป้าตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าหลายชาติในเอเชีย ‘ไทย’เสี่ยงสูง-ส่อกระทบหนัก

043...