12 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Businesses sound alarm as Trump tariff chaos hits the economy ระบุว่า นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทยอยบังคับใช้ เริ่มสร้างความไม่สบายใจให้กับภาคธุรกิจในสหรัฐฯ รวมถึงประชาชนชาวอเมริกันเอง จากสัญญาณที่ปรากฏในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เช่น การเทขายหุ้นในตลาดทุน ทำให้มูลค่าตลาดของดัชนี S&P 500 หายไปเกือบ 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
แพทริก คาเซอร์ (Patrick Kaser) ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Brandywine Global กล่าวว่า ตลาดที่ผันผวนนั้นถูกทำเนียบขาวเข้ามาขัดขวาง ความผันผวนส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนของตลาดเกี่ยวกับเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งมีคำถามว่าทำไมจึงมุ่งเป้าไปที่แคนาดา ขณะที่ ไบรอน คัลแลน (Byron Callan) กรรมการผู้จัดการของ Capital Alpha Partners กล่าวว่า รัฐบาลกำลังบอกว่านี่เป็นแค่จุดเล็กๆ หรืออะไรก็ตาม บางทีอาจมีความเต็มใจที่จะเจาะเข้าไปและพยายามพิสูจน์ว่าตลาดคิดผิด แต่สิ่งนี้อาจมีความเสี่ยงมาก เป็นการตัดสินใจของกลุ่มคนเล็กๆ ที่เมื่อเทียบกับการตัดสินใจของคนนับล้าน
แม้ว่าตลาดจะสะดุด แต่ซีอีโอส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการค้าของทรัมป์ต่อสาธารณะ โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงแทน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจหลายคนของทรัมป์สลับไป-มาระหว่างการลดความกังวลของตลาดและเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับทิศทางเศรษฐกิจให้หันไปใช้การผลิตในประเทศ แม้ว่าจะสร้างความเสียหายในระยะสั้นก็ตาม
เอ็ก บาสเตียน (Ed Bastian) ซีอีโอของสายการบิน Delta Air Lines กล่าวเตือนหลังตลาดปิดทำการในวันที่ 10 มี.ค. 2568 ว่า ความกังวลด้านเศรษฐกิจในหมู่ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ กำลังส่งผลกระทบต่อการเดินทางภายในประเทศ โดยไม่ได้อ้างอิงถึงภาษีศุลกากรโดยตรง เขากล่าวว่ามีหลายภาคส่วนที่อ่อนตัวลง รวมถึงรถยนต์ เทคโนโลยี สื่อ อวกาศ และการป้องกันประเทศ
สายการบินหลายแห่งเตือนว่าการใช้จ่ายของสหรัฐฯ จะอ่อนตัวลงในวันที่ 11 มี.ค. 2568 ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้น รวมถึงผู้ประกอบการเรือสำราญและบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิงอย่าง Walt Disney Co. ลดลง ราคาหุ้นของ Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ด้าน โรเบิร์ต ไอซอม (Robert Isom) ซีอีโอของ American Airlines กล่าวในการประชุมอุตสาหกรรมของ JPMorgan ว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องใหญ่
มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าระลอกล่าสุดที่ทรัมป์ประกาศใช้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 โดยเก็บภาษีอัตราร้อยละ 25 กับเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากแคนาดา บราซิล เม็กซิโก เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ที่เคยส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ โดยไม่เสียภาษีศุลกากรภายใต้ข้อยกเว้นก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า ภาษีศุลกากรจะถูกใช้โดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อพยายามช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ที่กำลังดิ้นรน
ในวันที่ 11 มี.ค. 2568 ทรัมป์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดต่อแคนาดาเป็นเพราะรัฐออนแทรีโอของแคนาดาประกาศเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 สำหรับไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม รัฐออนแทรีโอได้ระงับแผนนั้นในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว อนึ่ง ในแพลตฟอร์ม Truth Social ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความขู่ว่า ตนจะเพิ่มการเก็บภาษีอย่างมากสำหรับรถยนต์ที่นำเข้าสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 เม.น. 2568 หากแคนาดาไม่ยกเลิกภาษีศุลกากรที่ร้ายแรงและมีมาอย่างยาวนาน
ก่อนที่จะมีมาตรการเหล่านี้ การสำรวจธุรกิจและผู้บริโภคในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เสื่อมถอยลง ซึ่งหากยังคงดำเนินต่อไป อาจขัดขวางการลงทุนและการใช้จ่ายของครัวเรือนได้ โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ในวอชิงตันที่มีสมาชิกสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2567 รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลบล้างความเปลี่ยนแปลงจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์
โรจิเยร์ ควาดฟลีค (Rogier Quaedvlieg) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ABN Amro ประจำสหรัฐฯ กล่าวว่า ความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยของการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่รุนแรงซึ่งสะท้อนจากความไม่แน่นอนนี้ก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่แท้จริงก็ตาม
คาร์สเทน โนเบิล (Carsten Knobel) ซีอีโอของบริษัทเฮงเค็ลของเยอรมนี ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอย่างเซลโลเทปและชวาร์สคอฟ กล่าวเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 ว่า ตนเห็นความลังเลในสหรัฐฯ ทั้งในส่วนของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม โดยอ้างถึงนโยบายของทำเนียบขาว ขณะที่ โรเบิร์ต พาฟลิก (Robert Pavlik) ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Dakota Wealth ตั้งคำถามว่า ผลลัพธ์สุดท้ายคืออะไร ภาษีศุลกากรเหล่านี้พยายามจะบรรลุผลอะไรกันแน่
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี