12 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว US Education Department to cut half its staff as Trump eyes its elimination ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 ถึงแผนการเลิกจ้างบุคลากรถึงเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังนำไปสู่การยุบกระทรวงดังกล่าวในท้ายที่สุด เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ กำลังเร่งดำเนินการให้ทันกำหนดเวลาที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำหนดในการส่งแผนการลดจำนวนบุคลากรจำนวนมากในระยะที่ 2
ตามข่าวประชาสัมพันธ์ของกระทรวงฯ ระบุว่า การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจสุดท้ายของกระทรวงฯ ซึ่งสื่อถึงคำมั่นของทรัมป์ที่จะยุบหน่วยงานนี้ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มูลค่า 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ บังคับใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน และจัดหาเงินทุนของรัฐบาลกลางให้แก่เขตการศึกษาที่ขัดสน
รอยเตอร์อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ ลินดา แม็คมาฮฮน (Linda McMahon) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอบคำถามสำนักข่าว Fox News ว่า การเลิกจ้างบุคลากรจะส่งผลให้กระทรวงต้องยุบเลิก และเสริมด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นคำสั่งของประธานาธิบดี การเลิกจ้างนี้จะทำให้กระทรวงเหลือเจ้าหน้าที่ 2,183 คน ลดลงจาก 4,133 คน ในเดือน ม.ค. 2568 ที่ทรัมป์เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ขณะที่ผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ รายงานว่าได้เห็นประกาศภายในของกระทรวงฯ ปิดทำการสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 11 – วันที่ 12 มี.ค. 2568 แต่โฆษก ศธ. ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับลักษณะของปัญหาความปลอดภัยที่นำไปสู่การปิดสำนักงานในทันที
ในแผนการลดขนาดภาครัฐ ทรัมป์ได้มอบหมายให้มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) บัญชาการหน่วยกำกับประสิทธิภาพภาครัฐ (DOGE) เข้าไปตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลาง ซึ่งนำไปสู่การเลิกจ้างบุคลากรภาครัฐฝ่ายพลเรือนแล้วมากกว่า 1 หมื่นคน จากทั้งหมด 2.3 ล้านคน นอกจากนั้นยังระงับความช่วยเหลือต่างประเทศส่วนใหญ่ และยกเลิกโครงการและสัญญาหลายพันโครงการ แม้จะต้องเผชิญกับการถูกฟ้องหลายสิบคดีที่ผู้ฟ้องมองว่าทรัมป์และคณะทำงานกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม
แนวทางการใช้กำลังอย่างโจ่งแจ้งของ DOGE ทำให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกัน ต้นสังกัดเดียวกับทรัมป์หลายคนผิดหวัง และบางคนได้เผชิญหน้ากับประชาชนที่โกรธแค้นในศาลากลางเมือง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์บอกกับผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ว่าพวกเขาไม่ใช่มัสก์ ที่มีสิทธิ์ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการจัดหาบุคลากร ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวต่อสาธารณะครั้งแรกที่โดดเด่นของเขาเพื่อ “ซื้อใจ (Restrain)” ซีอีโอของ Tesla
หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งหมดได้รับคำสั่งให้จัดทำแผนการเลิกจ้างครั้งใหญ่ภายในวันที่ 13 มี.ค. 2568 เพื่อเตรียมการสำหรับขั้นตอนต่อไปของนโยบายลดต้นทุนของทรัมป์ หน่วยงานหลายแห่งเสนอเงินให้พนักงานเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้นำสหรัฐฯ ในส่วนของ ศธ. นั้น บุคลากรที่ได้รับผลกระทบจะถูกพักงานตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป
สหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนของบุคลากร ศธ. สหรัฐฯ มากกว่า 2,800 คน ประกาศจะต่อสู้กับการตัดลดค่าใช้จ่ายอย่างรุนแรงนี้ โดย เชอเรีย สมิธ (Sheria Smith) ประธานสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน สาขา 252 กล่าวว่า สิ่งที่ชัดเจนจากการเลิกจ้างจำนวนมาก ความวุ่นวาย และการขาดความเป็นมืออาชีพที่ไม่ได้รับการตรวจสอบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ ระบอบการปกครองนี้ไม่เคารพพนักงานหลายพันคนที่อุทิศอาชีพของตนเพื่อรับใช้เพื่อนร่วมชาติชาวอเมริกัน
ทรัมป์และมัสก์กล่าวอ้างว่า ภาครัฐของสหรัฐฯ มีสภาพเทอะทะและใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลือง และ DOGE อ้างว่าสามารถประหยัดเงินได้ 105,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากการตัดงบประมาณ แต่ได้บันทึกข้อมูลการประหยัดดังกล่าวต่อสาธารณะเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น และการบัญชีของบริษัทก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ขณะที่รัฐบาลกลางรายงานการจ่ายเงินที่ไม่เหมาะสมประมาณ 162,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 2567 ตามรายงานประจำปีของสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 รายงานดังกล่าวระบุว่าส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเงินเกิน โดยค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางทั้งหมดสูงถึง 6.75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณนั้น ตามรายงานของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า หน่วยงานอื่นๆ ได้เสนอเงินก้อนสูงสุด 25,000 เหรียญสหรัฐก่อนหักภาษีแก่บุคลากรที่สมัครใจลาออกจากงาน ซึ่งในจำนวนนี้ ได้แก่ สำนักงานบริหารงานบุคคล สำนักงานประกันสังคม กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ รวมถึงองค์การอาหารและยา (อย.) ของสหรัฐฯ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางหลายแห่งกล่าวว่า ข้อเสนอลาออกโดยสมัครใจ ซึ่งรวมกับโปรแกรมอื่นที่ผ่อนปรนข้อกำหนดคุณสมบัติสำหรับการเกษียณอายุก่อนกำหนด ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากในการช่วยให้บรรลุเป้าหมาย
รัฐบาลของทรัมป์กำลังเผชิญกับคดีความมากมาย หลังจากที่ได้ไล่เลิกจ้างบุคลากรในกลุ่มพนักงานทดลองงานออกไปหลายพันคนในระยะแรกของแผนการเลิกจ้างจำนวนมาก โดยเฉพาะบางหน่วยงาน เช่น หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านการเงิน (CFPB) ซึ่งบุคลากรถูกเลิกจ้างเกือบทั้งหมด
สำนักงานบริการทั่วไป (GSA) ซึ่งจัดการพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินของรัฐบาล กำลังพยายามขออนุมัติเพื่อเสนอเงินสมัครใจลาออกแก่บุคลากรเช่นกัน ตามอีเมลที่ส่งโดยหัวหน้ารักษาการฝ่ายเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดต่อ GSA เพื่อขอความเห็นนอกเวลาทำการของสหรัฐฯ ได้ เช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐฯ ได้เสนอโบนัสสูงถึง 50,000 เหรียญสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลและธรรมาภิบาลของรัฐกล่าวว่า โครงการสมัครใจลาออกดังกล่าวมีความน่าสนใจตรงที่เป็นไปโดยสมัครใจและมีความเสี่ยงต่อการฟ้องร้องทางกฎหมายน้อยกว่า นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังกำหนดให้ผู้ที่ยอมรับข้อเสนอต้องคืนเงินหากไปทำงานในหน่วยงานอื่นของภาครัฐ ภายในระยะเวลา 5 ปีแรกนับจากยอมรับข้อเสนอ ดังที่ ดอน มอยนิฮาน (Don Moynihan) ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวว่า หากกลยุทธ์คือการให้พนักงานออกจากงานโดยสมัครใจมากที่สุด นั่นจะช่วยลดความเสี่ยงจากคำสั่งศาลและการคัดค้านในระยะยาว
มีเพียงไม่กี่หน่วยงานเท่านั้นที่แจ้งว่ามีแผนจะเลิกจ้างพนักงานกี่คนในช่วงที่สองของการเลิกจ้าง ได้แก่ กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก ซึ่งมีเป้าหมายจะเลิกจ้างบุคลากรมากกว่า 80,000 คน และ องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ซึ่งมีแผนจะเลิกจ้างบุคลากร 1,029 คน และแม้จะใกล้ถึงกำหนดเส้นตายแล้ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดส่งแผนการเลิกจ้างไปยังสำนักงานบริหารทรัพยากรบุคคลของรัฐบาล (OPM) ที่รวบรวมข้อมูล ขณะที่ OPM ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว ในส่วนของ OPM เองก็ได้เสนอเงินก้อนให้กับบุคลากรประมาณ 650 คน โดยมีเวลาตอบกลับจนถึงวันที่ 12 มี.ค. 2568 ขณะที่เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 อย. สหรัฐฯ ได้ส่งอีเมลถึงบุคลากรทั้งหมด 19,000 คน เพื่อแจ้งกำหนดเส้นตายสำหรับโครงการสมัครใจลาออกในวันที่ 14 มี.ค. 2568 โดยผู้ที่ยอมรับจะถูกเลิกจ้างภายในวันที่ 19 เม.ย. 2568 ส่วนกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ ในช่วงดึกของวันที่ 10 มี.ค. 2568 ได้เพิ่มข้อเสนอโดยเพิ่มเงินเดือนเต็มจำนวน 2 เดือนนอกเหนือจากโบนัส ให้กับผู้สมัครใจลาออก
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี