‘ยูเอ็น’ในปีครบรอบ8ทศวรรษ เผชิญปัญหาสภาพคล่องการเงิน ‘กูเตอร์เรส’ย้ำแผนรับมือคนละเรื่องกับ‘ทรัมป์’
13 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว As UN turns 80, it seeks to cut costs in shadow of Trump uncertainty อ้างการเปิดเผยของ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2568 ว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) กำลังหาทางปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุน เนื่องจากปีนี้มีอายุครบ 80 ปีท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเงิน แต่ย้ำว่าไม่ควรนำไปเปรียบเทียบกับความพยายามของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และผู้ช่วยอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk)
เลขาธิการ UN กล่าวถึงเรื่องนี้หลังถูกถามเรื่อง UN จะก่อตั้งหน่วยงานทำนองเดียวกับแผนกประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ในสหรัฐฯ ที่เข้าไปลดจำนวนบุคลากรภาครัฐในส่วนของรัฐบาลกลางหรือไม่ เนื่องจาก UN ได้ก่อตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ “UN80” ขึ้นมา โดย กูเตอร์เรส ย้ำว่า เรากำลังพูดถึงกระบวนการ วิธีการ และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นี่เป็นการสานต่อและเพิ่มความเข้มข้นของงานที่เราทำมาตลอด
เจ้าหน้าที่ UN 2 คนซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ ยอมรับว่าการที่ทรัมป์กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในเดือน ม.ค. 2568 ทำให้ความพยายามอย่างมีประสิทธิภาพมีความเร่งด่วนและทะเยอทะยานมากขึ้น ขณะที่ในเดือน ก.พ. 2568 ทรัมป์กล่าวว่า UN มีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ และเราจะเดินหน้าต่อไป แต่พวกเขาต้องร่วมมือกัน ซึ่งในเวลานั้น UN ตอบโต้ว่ากูเตอร์เรสทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อดำเนินการปฏิรูป
“เป้าหมายของผมคือการดำเนินการโดยเร็วที่สุดในพื้นที่ที่ผมมีอำนาจ และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกพิจารณาการตัดสินใจต่างๆ มากมายที่ขึ้นอยู่กับพวกเขา นี่เป็นเรื่องไกลตัวไปไกลกว่าเรื่องเทคนิค งบประมาณของสหประชาชาติไม่ใช่แค่ตัวเลขบนงบดุลเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของชีวิตและความตายของผู้คนนับล้านทั่วโลก เราต้องมั่นใจว่าคุ้มค่าเงินในขณะที่ส่งเสริมคุณค่าร่วมกัน” เลขาธิการ UN กล่าว
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ UN ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. 2488 เผชิญวิกฤติสภาพคล่องเป็นอย่างน้อยเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่ง กูเตอร์เรส กล่าวว่า ไม่ใช่ทุกประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ชาติ ที่จะชำระค่าธรรมเนียมปกติตามบังคับครบถ้วนหรือตรงเวลา ขณะที่งบประมาณประจำปี 2568 ของ UN อยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงงานด้านการเมือง มนุษยธรรม การปลดอาวุธ เศรษฐกิจ กิจการสังคม และการสื่อสาร เงินบริจาคให้กับหน่วยงาน กองทุน และโครงการต่างๆ ของ UN ส่วนใหญ่ เช่น โครงการอาหารโลกและกลุ่มเด็ก UNICEF เป็นแบบสมัครใจ
ผู้บริจาคสูงสุดสองรายในงบประมาณประจำปีตามการประเมินที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเห็นพ้องต้องกันคือสหรัฐฯ และจีน โดยสหรัฐฯ จ่ายสูงสุดร้อยละ 22 ในขณะที่เงินบริจาคของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในปีนี้ เป็นร้อยละ 20 อย่างไรก็ตาม จีนกำลังชำระหนี้ในช่วงปลายปี ซึ่งช้ากว่าเมื่อก่อนถึง 6 เดือน ส่วนสหรัฐฯ ค้างชำระ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสหรัฐฯ ชำระเงินครั้งล่าสุด 275 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือน พ.ย. 2567 ในยุคที่ โจ ไบเดน (Joe Biden) เป็นประธานาธิบดี
เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า มีความไม่แน่นอนมากมายเกี่ยวกับงบประมาณในปีนี้ ซึ่งจีนให้คำมั่นกับสหประชาชาติว่าจะจ่ายงบประมาณเต็มจำนวนในปีนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะจ่ายเมื่อใด และสหรัฐฯ ยังไม่สามารถระบุให้สหประชาชาติทราบได้ว่าจะจ่ายงบประมาณเท่าใด จึงมีการตัดสินใจแล้วว่าจะรอบคอบทางการเงินเป็นอย่างยิ่งในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคม
รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า ณ วันที่ 7 มี.ค. 2568 ประเทศสมาชิก 75 ประเทศ หรือมากกว่า 1 ใน 3 เพียงเท่านั้น ได้ชำระเงินประเมินงบประมาณปกติครบถ้วนแล้ว ท่ามกลางวิกฤติการเงิน สหประชาชาติได้ลดการใช้จ่ายตามแผนลงถึงร้อยละ 20 และสั่งตรึงการจ้างงาน ขณะที่เมื่อถูกถามถึงการเลิกจ้างที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลจากความพยายามอย่างมีประสิทธิภาพของ UN80 เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า ในเวลานี้ตนยังบอกไม่ได้ สิ่งที่ตนจะพูดก็คือ ทุกอย่างอยู่ในแผนและไม่มีอะไรที่อยู่นอกแผน
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.reuters.com/world/un-turns-80-it-seeks-cut-costs-shadow-trump-uncertainty-2025-03-12/
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี