14 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Vietnam reviewing duties to boost imports of US LNG, farm goods ระบุว่า อ้างการเปิดเผยของ Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ซึ่งเพิ่งพบกับ มาร์ค แน็ปเปอร์ (Marc Knapper) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเวียดนาม เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ว่า เวียดนามกำลังทบทวนภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนการนำเข้าผลิตภัณฑ์สำคัญของสหรัฐฯ ที่เวียดนามต้องการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ก๊าซเหลว (LNG) และสินค้าเทคโนโลยี
ยังมีความเคลื่อนไหวทำนองเดียวกันจาก Nguyen Hong Dien รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของเวียดนาม ที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้ โดยส่งสัญญาณถึง เจมีสัน กรีร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และมีแถลงการณ์ในวันที่ 14 มี.ค. 2568 ว่า ทั้งสองฝ่ายหารือถึงแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจ "ผ่านการทบทวนและพิจารณาอย่างจริงจังในการขจัดอุปสรรคทางการค้า
ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ Dien วางแผนที่จะประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าและพลังงานของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุข้อตกลงที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด ตามเอกสารของรัฐบาลเวียดนามที่ผู้สื่อข่าวได้เห็น
จากข้อมูลของสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนที่จัดทริปนี้ขึ้น ระบุว่า คณะผู้แทนจากบริษัทสหรัฐฯ กว่า 60 แห่งมีแผนที่จะเยือนเวียดนามในช่วงปลายเดือน มี.ค. 2568 ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดงานปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งในปีที่ผ่านมามีบริษัทเทคโนโลยี กลาโหม และพลังงานชั้นนำของสหรัฐฯ รวมอยู่ด้วย
เวียดนาม ประเทศศูนย์กลางอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก และในปี 2567 ที่ผ่านมา ค้าขายเกินดุลกับสหรัฐฯ มากถึง 123,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังดิ้นรนเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) นำมาใช้ขู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศของของสหรัฐฯ ขณะที่ผลสำรวจในเดือน ก.พ. 2568 ธุรกิจของทุนสหรัฐฯ ในเวียดนามแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานของตนในกรณีที่ทรัมป์นำมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ามาใช้
ทางการเวียดนามได้แสดงเจตนารมณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ายินดีที่จะตอบสนองคำขอของสหรัฐฯ ในการลดความไม่สมดุลทางการค้าและอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจของสหรัฐฯ ในประเทศ ซึ่งรวมถึงการให้คำมั่นว่าจะออกใบอนุญาตอย่างรวดเร็วสำหรับบริการดาวเทียม Starlink ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซึ่งเวียดนามเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกไปยังสหรัฐฯ โดยตลาดของสหรัฐฯ ดูดซับการนำเข้าของเวียดนามซึ่งมีมูลค่าเกือบ 1 ใน 3 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของประเทศในอาเซียน
ทางการของเวียดนามและสหรัฐฯ มักกล่าวถึงการนำเข้า LNG ของสหรัฐฯ ของเวียดนามว่าเป็นวิธีการลดช่องว่างทางการค้าขนาดใหญ่ แต่ยังไม่มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม โดยอุตสาหกรรม LNG ของเวียดนามซึ่งเพิ่งเริ่มต้นในปัจจุบันพึ่งพาข้อตกลงเฉพาะหน้าสำหรับการขนส่งจำนวนน้อย แทนที่จะใช้สัญญาหลายปีที่ผู้ส่งออกของสหรัฐฯ ชื่นชอบ
ในเดือน ก.พ. 2568 รมว.พาณิชย์ของเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามพร้อมที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น โดยข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มากกว่า 1 ใน 4 ของสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ไปยังเวียดนามเมื่อปี 2567 เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่วนใหญ่เป็นฝ้าย ถั่วเหลือง และถั่วเปลือกแข็ง คิดเป็นมูลค่ารวม 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนามยังกระตือรือร้นที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์ไฮเทคจากสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งรวมถึงชิประดับ AI แต่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดภายใต้กฎที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยุคประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) กำหนดออกมาบังคับใช้
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี