ออตตาวา (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - มาร์ค คาร์นีย์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา แถลงเปิดใจครั้งแรก ย้ำแคนาดาจะไม่เป็นส่วนหนึ่ง หรือเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯอย่างแน่นอน การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดถึงการผนวกแคนาดาเข้ากับสหรัฐฯนั้น เป็นเรื่องบ้าบอและไร้สาระ

มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางทั้งของแคนาดาและอังกฤษ เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแคนาดาเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น (14 มี.ค.) โดยมี แมรี ไซมอน ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ ประจำเครือรัฐแคนาดา เป็นประธานในพิธี ก่อนจะแถลงทันทีว่า เขาสามารถทำงานร่วมกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งประกาศว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ที่อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของแคนาดา โดยคาร์นีย์เข้ารับตำแหน่งต่อจาก จัสติน ทรูโด ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดามานานกว่า 9 ปี และมีความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งและเย็นชากับทรัมป์

คาร์นีย์ วัย 59 ปี ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าแนวทางของเขาจะแตกต่างออกไป เขาเคารพประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ได้นำประเด็นสำคัญบางประเด็นมาไว้ในวาระสำคัญของเขา พร้อมระบุว่า เขาเคยร่วมงานกับทรัมป์ในการประชุมระหว่างประเทศ ประสบการณ์ส่วนหนึ่งของเขามีความคล้ายคลึงกับของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือ เราต่างก็ดูแลประเทศของเราเอง แต่ทรัมป์รู้ดี และเราก็รู้จากประสบการณ์ที่ยาวนานว่า เราสามารถหาทางออกร่วมกันที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์

คาร์นีย์ ซึ่งกล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ในเร็ว ๆ นี้ ยังได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า การที่รัฐบาลทรัมป์พูดคุยถึงการผนวกแคนาดาเข้ากับสหรัฐฯนั้น เป็นเรื่องบ้าบอและไร้สาระ เขาย้ำว่า แคนาดาจะไม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ในการแถลงครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา พร้อม กับกล่าวว่า เขาคาดหวังความเคารพจากอเมริกา

คาร์นีย์ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของแคนาดา ในช่ววเวลาที่วุ่นวายของแคนาดา ท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ และเขาจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเร็ว ๆ นี้