19 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Putin agrees to 30-day halt on energy facility strikes but no full Ukraine ceasefire ระบุว่า วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย รับข้อเสนอเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 โดยรัสเซียจะหยุดโจมตีโรงไฟฟ้าของยูเครนเป็นการชั่วคราว แต่ปฏิเสธที่จะรับรองข้อตกลงหยุดยิง 30 วันเต็ม ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คาดหวังให้เป็นก้าวแรกสู่ข้อตกลงสันติภาพถาวร
ยูเครนกล่าวว่าจะสนับสนุนข้อตกลงที่ลดขนาดลง ซึ่งกำหนดให้ทั้ง 2 ประเทศชะลอการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของกันและกันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าผู้นำรัสเซียหลีกเลี่ยงการประนีประนอมอย่างมีนัยสำคัญในสิ่งที่อาจเป็นการซื้อเวลาในขณะที่กองทหารรัสเซียเคลื่อนพลทางภาคตะวันออกของยูเครน ทั้งนี้ หลังจากทรัมป์และปูตินโทรศัพท์สายตรงคุยกันเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 ทำเนียบขาวระบุว่าการเจรจาเรื่องการหยุดยิงทางทะเลในบริเวณทะเลดำ รวมถึงการหยุดยิงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและข้อตกลงสันติภาพถาวรจะเริ่มขึ้นในทันที
ยังไม่ชัดเจนว่ายูเครนจะเข้าร่วมการเจรจาดังกล่าวด้วยหรือไม่ ซึ่ง สตีฟ วิทคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ผู้แทนของทรัมป์ กล่าวว่า การเจรจาจะมีขึ้นที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 23 มี.ค. 2568 โดย วิทคอฟฟ์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox News ของสหรัฐฯ ว่า จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เรายังไม่มีฉันทามติเกี่ยวกับสองประเด็นนี้จริงๆ นั่นคือ การหยุดยิงด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน และการหยุดยิงในทะเลดำชั่วคราว และวันนี้เราได้ไปถึงจุดนั้นแล้ว และตนคิดว่ามันเป็นระยะทางที่ค่อนข้างสั้นในการหยุดยิงเต็มรูปแบบนับจากจุดนั่น
ทางการรัสเซียไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับคำพูดของวิตคอฟฟ์นอกเวลาทำการทันที แต่มีรายงานว่า ปูตินสั่งให้กองทัพรัสเซียหยุดการโจมตีแหล่งพลังงานหลังจากพูดคุยกับทรัมป์ อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของฝ่ายรัสเซีย ระบุว่า ปูตินแสดงความกังวลว่าการหยุดยิงชั่วคราวอาจทำให้ยูเครนสามารถติดอาวุธและระดมทหารได้มากขึ้น และยืนกรานว่าข้อเรียกร้องใดๆ ก็ตามจะต้องยุติความช่วยเหลือทางทหารและข่าวกรองทั้งหมดแก่ยูเครนด้วย แต่ทรัมป์ได้กล่าวกับสำนักข่าว Fox News ว่า ความช่วยเหลือต่อยูเครนไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ฝ่ายยูเครนจะสนับสนุนข้อเสนอที่จะหยุดการโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานเป็นเวลา 30 วัน พร้อมกับเผยว่า รัสเซียปล่อยโดรนมากกว่า 40 ลำเมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 มี.ค. 2568 โจมตีโรงพยาบาลในเมืองซูมีและพื้นที่อื่นๆ รวมถึงภูมิภาคเคียฟซึ่งอยู่รอบเมืองหลวงของยูเครน รวมถึงโพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Telegram ระบุว่า วันนี้ปูตินปฏิเสธข้อเสนอการหยุดยิงโดยสมบูรณ์โดยพฤตินัย เป็นเรื่องถูกต้องที่โลกจะปฏิเสธความพยายามใดๆ ของผู้นำรัสเซียที่จะยืดเยื้อสงครามออกไป
ในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News ทรัมป์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับเซเลนสกี พูดถึงการโทรศัพท์ระหว่างเขากับปูตินในเชิงบวก โดยกล่าวว่า ได้โทรศัพท์คุยกันอย่างยอดเยี่ยมโดยใช้เวลานานเกือบสองชั่วโมง แต่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้ในสิ่งทีต้องการ เพราะในขณะที่ยูเครนซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยบอกว่าทำงานด้วยยากกว่ารัสเซีย ได้ตกลงตามข้อเสนอของสหรัฐที่ให้หยุดยิงเป็นเวลา 30 วันเต็ม แต่ผู้นำรัสเซียกลับไม่ยอมตกลงด้วย
คริสติน เบอร์ซินา (Kristine Berzina) กรรมการผู้จัดการของสถาบันวิจัย German Marshall Fund ในสหรัฐฯ กล่าวว่า การเรียกร้องครั้งนี้เผยให้เห็นว่ารัสเซียจะเป็นคู่สนทนาที่ยากเพียงใด และรัสเซียไม่เต็มใจที่จะพูดคุยถึงความคืบหน้าที่แท้จริงในการยุติสงครามครั้งนี้ ซึ่งการหยุดยิงในระยะเวลาจำกัดเป็นก้าวเล็กๆ ไปข้างหน้า
นับตั้งแต่การรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซียในปี 2565 ยูเครนได้พยายามตอบโต้เพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่ามากด้วยการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธในดินแดนของรัสเซีย รวมถึงโรงงานพลังงานด้วย การโจมตีดังกล่าว ซึ่งฝ่ายรัสเซียระบุว่าเป็นการก่อการร้าย ทำให้ฝ่ายยูเครนสามารถกดดันเศรษฐกิจของรัสเซียต่อไปได้ ซึ่ง มาเรีย สเนโกวายา (Maria Snegovaya) นักวิจัยอาวุโสแห่งศูนย์การศึกษากลยุทธ์และการระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ มองว่า การหยุดยิงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอาจเป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย
หลังจากพูดคุยกับปูติน ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า ตนและผู้นำรัสเซียตกลงที่จะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดยิงและบรรลุข้อตกลงสันติภาพถาวรในที่สุด มีการหารือถึงองค์ประกอบหลายประการของสัญญาสันติภาพ ซึ่งรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าทหารหลายพันนายถูกสังหาร และทั้งประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีเซเลนสกีต้องการให้เรื่องนี้จบลง
ย้อนไปเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 ยูเครนออกแถลงการณ์ ระบุว่าพร้อมที่จะยอมรับการหยุดยิงเป็นเวลา 30 วันเต็ม ซึ่งทางการสหรัฐฯ กล่าวว่าจะนำไปสู่การเจรจารอบสำคัญยิ่งขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสงครามรัสเซีย – ยูเครน ทำให้ผู้คนหลายแสนคนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ประชาชนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่น และเมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง
ทรัมป์ได้บอกใบ้ว่าข้อตกลงสันติภาพถาวรอาจรวมถึงการยอมยกดินแดนโดยยูเครนและการควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียของยูเครน ขณะที่ เซเลนสกี ซึ่งเดินทางถึงกรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์เพื่อเยือนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 ไม่นานหลังจากการเจรจาระหว่างทรัมป์และปูตินสิ้นสุดลง ย้ำว่า ยุโรปจะต้องรวมอยู่ในข้อตกลงสันติภาพกับยูเครนด้วย
การเจรจาระหว่างทรัมป์และปูตินเกิดขึ้นในขณะที่อิสราเอลกลับมาโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาอีกครั้ง โดยขู่ว่าจะยุติการสงบศึกชั่วคราว และเน้นย้ำถึงความยากลำบากในการหยุดยิงถาวรในความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนาน ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่า ผู้นำทั้ง 2 ชาติยังได้หารือถึงวิธีการป้องกันความขัดแย้งในอนาคตในตะวันออกกลาง และมีความเห็นร่วมกันว่าอิหร่านไม่ควรอยู่ในตำแหน่งที่จะทำลายอิสราเอล
กองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบไปทางภาคตะวันออกของยูเครนและผลักดันกองกำลังยูเครนออกจากภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ซึ่ง ซูซาน โคลเบิร์น (Susan Colbourn) ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงยุโรปจากโรงเรียนนโยบายสาธารณะแซนฟอร์ด มหาวิทยาลัยดุ๊กในสหรัฐฯ มองว่า ข้อตกลงหยุดยิงระยะสั้นสะท้อนถึงความปรารถนาของทรัมป์ในการทำให้ความสัมพันธ์เป็นปกติกับรัสเซีย และชี้ให้เห็นว่าปูตินอาจกำลังเล่นเกมซื้อเวลา โดยเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่ทรัมป์ขอคำยินยอมเพียงเล็กน้อยจากรัสเซีย แม้ฝ่ายรัสเซียจะรุกรานเพื่อนบ้านของพวกเขาก็ตาม
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การที่ทรัมป์ยื่นมือเข้าช่วยเหลือปูตินตั้งแต่กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค. 2568 ทำให้พันธมิตรของสหรัฐฯ ตื่นตระหนก ยูเครนและพันธมิตรโลกตะวันตกได้กล่าวถึงการรุกรานยูเครนของรัสเซียว่าเป็นการแย่งชิงดินแดนของจักรวรรดินิยมมาช้านาน และเซเลนสกีกล่าวหาปูตินว่าจงใจยืดเยื้อสงคราม โดยผู้นำยูเครนกล่าวว่าอำนาจอธิปไตยของยูเครนนั้นไม่สามารถต่อรองได้ และรัสเซียต้องยอมคืนดินแดนที่ยึดไป
ในวันที่ 18 มี.ค. 2568 เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เตือนว่า รัสเซียได้ขยายกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมการทหารอย่างมหาศาล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับโลกเสรีประชาธิปไตยของยุโรปในอนาคต ขณะที่ โอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเบอร์ลินร่วมกับ เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ว่า การหยุดยิงในขอบเขตจำกัดเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ แต่ยังคงเรียกร้องให้หยุดยิงอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง โดยย้ำว่ายูเครนจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจขั้นสุดท้ายใดๆ
รัสเซียยึดคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนในปี 2557 และยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของ 4 ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครนหลังจากการรุกรานในปี 2565 โดยรวมแล้ว รัสเซียควบคุมพื้นที่ยูเครนได้ประมาณ 1 ใน 5 ซึ่งปูตินกล่าวว่า ตนส่งทหารเข้าไปในยูเครนเพราะการขยายตัวของนาโต้ที่คืบคลานคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย และเรียกร้องให้ยูเครนเลิกทะเยอทะยานที่จะเข้าร่วมพันธมิตรทางทหารของกลุ่มชาติตะวันตก ทั้งนี้ รัสเซียต้องรักษาการควบคุมพื้นที่ที่ยึดมาได้จากยูเครน ตะวันตกควรผ่อนปรนการคว่ำบาตร และยูเครนต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจาก เซเลนสกี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งในปี 2562 ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ได้เพราะกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ในภาวะสงคราม
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี