ปักกิ่ง (รอยเตอร์ส/ซีซีทีวี) - ทางการจีนแถลงตอบโต้ว่าสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิ์ที่จะแทรกแซงความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการวีซ่ากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย กรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ให้กับจีน ขณะที่สื่อจีนออกมายินดีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระงับการทำงานของสำนักข่าววีโอเอที่คอยให้ร้ายจีน

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดแถลงข่าวกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยจากการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คน ให้จีนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว โดยระบุว่าจีนและไทยในฐานะชาติอธิปไตย ได้ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับการเข้าเมืองผิดกฎหมายและอาชญากรรมข้ามชาติ ตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ กฎหมายสากลและแนวทางปฏิบัติระหว่างประเทศ สหรัฐฯ จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะแทรกแซง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ ได้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง แต่กลับมีสองมาตรฐาน เห็นได้จากการที่สหรัฐฯ เองได้เนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนกว่า 270,000 คน จาก 192 ประเทศ เมื่อปีงบประมาณ 2024 จีนขอประณามอย่างรุนแรงต่อการออกมาตรการอย่างผิดกฎหมายเพื่อให้ร้ายจีนและไทยรวมถึงการบิดเบือนประเด็นซินเจียง แทรกแซงกิจการภายใน และขัดขวางความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ โดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน

ขณะเดียวกัน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งให้ระงับการดำเนินงานของสำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา หรือ วีโอเอ (VOA) ซึ่งจีนประณามว่าเป็นเครื่องมือในการโจมตีจีน โดยเฉพาะประเด็นชาวอุยกูร์ ล่าสุด เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ สื่อของรัฐบาลจีน ได้ออกบทบรรณาธิการ ชื่นชมการตัดสินใจครั้งนี้โดยระบุว่า วีโอเอ เป็นเสมือน “โรงงานผลิตคำโกหก” ภายใต้ยี่ห้อส่งเสริมเสรีภาพและประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริง คือเครื่องจักรสร้างโฆษณาชวนเชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมา วีโอเอ ได้ป้ายสีจีนเรื่องสิทธิมนุษยชนในซินเจียง รวมไปถึงกรณีไต้หวัน และฮ่องกง โกลบอล ไทมส์ ชี้ว่า วีโอเอ ไม่ใช่สื่อที่เที่ยงตรงและเป็นกลาง แต่เสนอโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นพิษร้าย และยังได้ยกคำกล่าวของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่ทรัมป์มอบหมายให้ตัดลดขนาดของรัฐบาล ที่ว่า ไม่มีใครฟังข่าววีโอเออีกแล้ว นอกจากฝ่ายซ้ายสุดโต่งที่พูดให้ตัวเองฟัง แล้วต้องผลาญงบประมาณนับพันล้านดอลลาร์ต่อปี