19 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Hungary passes law to ban Pride march, triggering protest ระบุว่า ที่ประเทศฮังการี รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์บัน (Viktor Orban) และพรรค Fidesz ที่ครอบเสียงข้างมากในรัฐสภาฮังการี ได้เสนอร่างกฎหมายห้ามจัดกิจกรรมเดินขบวน “ไพรด์ (Pride)” หรือเพื่อเฉลิมฉลองการยอมรับความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ประจำปี ด้วยเหตุผลว่าอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2568 และในวันที่ 18 มี.ค. 2568 รัฐสภาก็ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
แต่การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ได้จุดกระแสการประท้วงใหญ่ในฮังการี โดยผู้ชุมนุมได้ร่วมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภา ก่อนเคลื่อนขบวนไปอยู่บริเวณสะพานมาร์กาเร็ต ซึ่งเป็นสะพานขนาดใหญ่ใจกลางกรุงบูดาเปสต์ เสียงตะโกนโห่ร้อง “การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน” ในขณะที่เผชิญหน้ากับแนวป้องกันของตำรวจ กฎหมายดังกล่าวยังถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยนายกเทศมนตรีของบูดาเปสต์ซึ่งมีแนวคิดเสรีนิยม ด้านผู้จัดงานกล่าวว่ายังวางแผนที่จะจัดงานเดินขบวนไพรด์ในปีนี้ แม้จะถูกสั่งห้ามก็ตาม
บรรยากาศการอภิปรายและลงมติร่างกฎหมายในสภา บรรดาสมาชิกรัฐสภาจากพรรคฝ่ายค้านซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยอย่างพรรคโมเมนตัม จุดพลุควันและชูภาพตกแต่งที่ออร์บันและ วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซียจูบกัน ในขณะที่การโหวตดำเนินไป ทั้งนี้ ออร์บัน ซึ่งเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนจากพรรคฝ่ายค้านใหม่ก่อนการเลือกตั้งในปี 2569 ได้วิพากษ์วิจารณ์ชุมชน LGBTQ+ และให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะปราบปรามเงินทุนจากต่างประเทศของสื่ออิสระและองค์กรภาคประชาสังคม (NGO) ในฮังการี
(รอยเตอร์) 18 มี.ค. 2568 ในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ประชาชนรายหนึ่งเล่นโรลเลอร์สเก็ตหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระหว่างการประท้วง หลังจากที่รัฐสภาผ่านร่างกฎหมายห้ามการเดินขบวน Pride ประจำปีของกลุ่ม LGBTQ+ โดยให้เหตุผลว่าอาจถือได้ว่าเป็นอันตรายต่อเด็กๆ
สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา รายงานข่าว Hungary’s new anti-LGBTQ+ law bans Pride events and sparks protests ระบุว่า ร่างกฎหมายห้ามจัดกิจกรรมเดินขบวนเฉลิมฉลองการยอมรับความหลากหลายทางเพศในฮังการี ได้รับการโหวตผ่านด้วยคะแนนเสียง 136 ต่อ 27 เสียง กฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายรัฐบาล ทำโดยแกนนำรัฐบาลอย่างพรรค Fidesz ของนายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์บัน กับพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมี สส. น้อยกว่า อย่างพรรคคริสเตียนเดโมแครต และได้รับการผลักดันผ่านรัฐสภาด้วยขั้นตอนที่เร่งรัด
ร่างกฎหมายดังกล่าวมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายของฮังการีว่าด้วยการชุมนุมเพื่อให้การจัดหรือเข้าร่วมงานที่ละเมิดกฎหมายคุ้มครองเด็กของฮังการีที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง ซึ่งห้ามการพรรณนาหรือส่งเสริมประเด็นความหลากหลายทางเพศแก่เด็กหรือเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี การเข้าร่วมงานที่ห้ามนั้นจะมีโทษปรับสูงถึง 200,000 ฟอรินต์ฮังการี (546 เหรียญสหรัฐ หรือราว 18,500 บาท) ซึ่งรัฐจะต้องส่งเงินดังกล่าวให้กับการคุ้มครองเด็กตามข้อความในกฎหมาย อีกทั้งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อระบุตัวบุคคลที่เข้าร่วมงานที่ถูกห้ามได้
รายงานของ CNN ยังกล่าวด้วยว่า กฎหมายใหม่นี้เป็นขั้นตอนล่าสุดต่อกลุ่มคน LGBTQ+ ที่ดำเนินการโดยนายกฯ ออร์บัน ซึ่งรัฐบาลของเขาได้ผ่านกฎหมายอื่นๆ ที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการเมืองยุโรปคนอื่นๆ ประณามว่าเป็นการกดขี่กลุ่มคนที่มีรสนิยมทางเพศที่ต่างกัน อาทิ ในปี 2565 คณะกรรมาธิการบริหารของสหภาพยุโรปได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปเพื่อคัดค้านกฎหมายคุ้มครองเด็กของฮังการีในปี 2564
โดยคณะกรรมาธิการยุโรปโต้แย้งว่ากฎหมายดังกล่าวเลือกปฏิบัติต่อผู้คนโดยพิจารณาจากรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ กล่าวคือ กฎหมายคุ้มครองเด็กของฮังการี นอกจากจะห้ามการพรรณนาหรือส่งเสริมเรื่องความหลากหลายทางเพศในเนื้อหาที่ผู้เยาว์เข้าถึงได้ รวมถึงในโทรทัศน์ ภาพยนตร์ โฆษณา และวรรณกรรมแล้ว ยังห้ามการกล่าวถึงปัญหา LGBTQ+ ในโปรแกรมการศึกษาระดับโรงเรียน และห้ามการพรรณนาถึงเพศที่เบี่ยงเบนจากเพศกำเนิดต่อสาธารณะ
ร้านขายหนังสือในฮังการีต้องเผชิญกับค่าปรับมหาศาลเนื่องจากไม่ห่อหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ LGBTQ+ ในบรรจุภัณฑ์แบบปิด นักวิจารณ์โต้แย้งว่าแคมเปญของ Orbán เท่ากับเป็นความพยายามที่จะลดความสำคัญของ LGBTQ+ และการผูกโยงการณรงค์นี้กับการคุ้มครองเด็กนั้นถือเป็นการผูกโยงประเด็นความหลากหลายทางเพศเข้ากับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอย่างผิดๆ ขณะที่รัฐบาลฮังการีโต้แย้งว่านโยบายนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องเด็กจากการโฆษณาชวนเชื่อทางเพศ
ทั้งนี้ วิธีการของฮังการีนั้นคล้ายกับกลวิธีของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งในเดือน ธ.ค. 2565 ได้ขยายการห้ามในรัสเซียต่อการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่เป็นไปตามขนบธรรมเนียม จากเฉพาะในกลุ่มผู้เยาว์เพิ่มเติมไปสู่ผู้ใหญ่ด้วย ซึ่งมีผลทำให้การรับรองกิจกรรม LGBTQ+ ในที่สาธารณะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ออร์บันซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2553 เผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากพรรคฝ่ายค้านที่กำลังเติบโตในขณะที่เศรษฐกิจของฮังการีกำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นตัวจากวิกฤติเงินเฟ้อและค่าครองชีพ และการเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามาในปี 2569 ซึ่ง ทามาส ดอมโบส (Tamás Dombos) ผู้ประสานงานโครงการของกลุ่มสิทธิมนุษยชน LGBTQ+ ของฮังการี Háttér Society กล่าวว่า การอนุญาตให้ใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าในการชุมนุมที่ห้ามไว้ อาจใช้ต่อต้านการประท้วงอื่นๆ ที่รัฐบาลเลือกที่จะถือว่าผิดกฎหมายได้
-/-/-//-/-/-/-/-/-/-//-/-/-//-/-
ขอบคุณภาพจากรอยเตอร์
ขอบคุณเรื่องจาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี