21 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump urges Supreme Court to limit judges' power to impede his agenda ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรียกร้องไปยังศาลฎีกา ขอให้จำกัดอำนาจของผู้พิพากษาของรัฐบาลกลาง ในการออกคำสั่งระงับการดำเนินการของรัฐบาลของเขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นสัญญาณล่าสุดของความตึงเครียดระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายตุลาการของสหรัฐฯ
ขณะนี้ศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคดีมากกว่า 100 คดีที่ท้าทายความคิดริเริ่มต่างๆ ของทรัมป์และรัฐบาลของเขาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2568 ที่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 โดยผู้พิพากษาบางคนออกคำสั่งระงับทั่วประเทศเพื่อขัดขวางนโยบายต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหวของทรัมป์ที่จะจำกัดสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิดโดยอัตโนมัติ
“หยุดการสั่งระงับทั่วประเทศทันที ก่อนที่มันจะสายเกินไป หากผู้พิพากษาโรเบิร์ตส์และศาลฎีกาสหรัฐฯ ไม่แก้ไขสถานการณ์ที่เป็นพิษและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ทันที ประเทศของเราจะอยู่ในปัญหาที่ร้ายแรงมาก!” ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์
องค์คณะตุลาการในศาลฎีกาสหรัฐฯ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ในจำนวนนี้ประกอบด้วยผู้พิพากษา 3 คนที่ทรัมป์แต่งตั้งในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ทั้งนี้ ในวันที่ 13 มี.ค. 2568 ทนายความที่เป็นตัวแทนของฝ่ายบริหารได้ร้องขอให้จำกัดการสั่งระงับทางตุลาการที่บังคับใช้กับคำสั่งของทรัมป์เกี่ยวกับการให้สัญชาติโดยกำเนิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแนวทางที่แข็งกร้าวของผู้นำสหรัฐฯ ต่อการย้ายถิ่นฐาน ด้านกระทรวงยุติธรรมได้ยื่นคำร้องท้าทายขอบเขตของคำสั่งระงับทั่วประเทศ 3 ฉบับที่ออกโดยผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในรัฐวอชิงตัน แมสซาชูเซตส์ และแมริแลนด์ต่อคำสั่งของทรัมป์
ความคิดเห็นล่าสุดของทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่ จอห์น โรเบิร์ตส์ (John Roberts) ประธานศาลฎีกาสหรัฐฯ ตำหนิประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 ที่เรียกร้องให้ถอดถอนผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางที่รับผิดชอบการท้าทายทางกฎหมายต่อเที่ยวบินเนรเทศที่บรรทุกชาวเวเนซุเอลาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรม ความตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีและฝ่ายตุลาการปะทุขึ้นเมื่อคำกล่าวอ้างของเขาเกี่ยวกับอำนาจบริหารที่กว้างขวางต้องเผชิญกับอุปสรรคทางตุลาการ
“เป็นเวลานานกว่าสองศตวรรษแล้วที่การถอดถอนไม่ใช่การตอบสนองที่เหมาะสมต่อความขัดแย้งเกี่ยวกับคำตัดสินของศาล การตอบสนองที่ถูกต้องคือการยื่นอุทธรณ์” ปธ.ศาลฎีกาสหรัฐฯ กล่าว
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้ออกคำสั่งห้ามทั่วประเทศต่อรัฐบาลชุดก่อนๆ ของประธานาธิบดีเช่นกัน ดังกรณีของ โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ มีอุปสรรคทางกระบวนการทางกฎหมายบางประการ เช่น คำสั่งระงับทั่วประเทศต่อแผนการยกเลิกหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มูลค่า 430,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 14.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกศาลฎีกาสั่งห้ามในที่สุด
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี