21 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Indonesia parliament passes contentious amendments to military law ระบุว่า ชาวอินโดนีเซียออกมาชุมนุมประท้วง หลังที่ประชุมสภาของอินโดนีเซียผ่านการแก้ไขกฎหมายทหารของประเทศ โดยจัดสรรตำแหน่งพลเรือนเพิ่มเติมให้กับทหาร ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มประชาสังคมที่มองว่าการแก้ไขดังกล่าวอาจทำให้ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก กลับไปสู่ยุคเผด็จการของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต (Suharto) ซึ่งตอนนั้นกองทัพมีบทบาทครอบงำกิจการพลเรือน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ที่มี ปูอัน มหาราณี (Puan Maharani) ประธานสภาผู้แทนราษฎรของอินโดนีเซีย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ ผ่านกฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่ากฎหมายดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และอำนาจสูงสุดของพลเมือง ขณะที่ ซจาฟรี ซจามโซเอ็ดดิน (Sjafrie Sjamsoeddin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอินโดนีเซีย แถลงต่อที่ประชุมสภา ว่า การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีทางการทหารระดับโลกทำให้กองทัพต้องปรับเปลี่ยนเพื่อเผชิญกับความขัดแย้งทั้งแบบปกติและไม่ปกติ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
ปราโบโว สุเบียนโต (Prabowo Subianto) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เมื่อเดือน ต.ค. 2567 และเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษภายใต้การนำของอดีต ปธน.ซูฮาร์โต ได้ขยายบทบาทของกองทัพไปสู่พื้นที่ที่ถือว่าเป็นพื้นที่พลเรือน รวมถึงโครงการสำคัญของเขาในการแจกอาหารฟรีให้กับเด็กๆ ในขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์การมีส่วนร่วมของกองทัพที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเกรงว่าอาจนำไปสู่การละเมิดอำนาจ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการไม่ต้องรับโทษจากการกระทำดังกล่าว
ร่างกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้บุคคลที่เป็นทหารไม่จำเป็นต้องลาออกจากกองทัพหากจะเข้าทำงานในหน่วยงานภาครัฐฝ่ายพลเรือน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสำนักงานอัยการสูงสุด นอกจากนั้นยังมีข้อกังวลว่าทหารอาจได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่รัฐวิสาหกิจ อย่างไรก็ตาม นิโค เซียฮาน (Nico Siahaan) สมาชิกรัฐสภาซึ่งมีส่วนร่วมในการอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้ ยืนยันว่ากฎหมายไม่ได้ถูกแก้ไข
อีวาน ลักษมนา (Evan Laksmana) นักวิเคราะห์จากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ ให้ความเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ได้แก้ไขปัญหาที่กองทัพอินโดนีเซียเผชิญ เช่น การเพิ่มทรัพยากรสำหรับการฝึกอบรมและการทำให้ฮาร์ดแวร์ทางทหารเป็นมาตรฐาน อีกทั้งการแก้ไขดังกล่าวยังขยายอายุเกษียณของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งตนมองว่าอาจทำให้ความเป็นมืออาชีพของทหารลดลง เนื่องจากโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งจะถูกจำกัด
นักศึกษาหลายร้อยคนชุมนุมกันนอกอาคารรัฐสภาในกรุงจาการ์ตาภายหลังการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ผู้ประท้วงหลายสิบคนเผายางรถยนต์และบางคนเบียดเสียดกันเข้ามาทางประตู มีการชูนำป้ายที่มีข้อความว่า “ระเบียบใหม่กลับมา” และ "นำทหารกลับเข้ากรมกอง" ด้วย ซึ่งคำว่าระเบียบใหม่ เป็นคำที่ใช้เรียกยุคสมัยที่ซูฮาร์โตปกครองอินโดนีเซีย แต่มีบางส่วนได้ตั้งค่ายอยู่ที่ประตูหลังของอาคารรัฐสภามาตั้งแต่เย็นวันที่ 19 มี.ค. 2568 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลปลดบุคลากรทางทหารทั้งหมดออกจากงานพลเรือน แม้จะถูกตำรวจพยายามใช้กำลังผลักดันออกไปก็ตาม นอกจากนั้นยังมีการระดมกำลังทหารมาเพื่อช่วยเหลือตำรวจในการรักษาความปลอดภัยในอาคารรัฐสภา
อุสมาน ฮามิด (Usman Hamid) ผู้อำนวยการองค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สาขาอินโดนีเซีย และเคยมีประสบการณ์ชุมนุมประท้วงต่อต้านซูฮาร์โต เตือนว่าอดีตจะหวนคืนมา ซึ่งเวลานั้นมีนักเคลื่อนไหวถูกลักพาตัวและบางคนก็ยังไม่กลับบ้าน และวันนี้รู้สึกเหมือนว่าเรากำลังถอยหลัง
ด้าน ผศ.ดร.อรอนงค์ ทิพย์พิมล อาจารย์ประจำสาขาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “O. Nanong Thippimol” ระบุว่า
เมื่อวานนี้ 20 มี.ค. สภา DPR ผ่านร่างแก้ไขกม.ทหารปี 2004 เพิ่มอำนาจและบทบาทกองทัพในด้านพลเรือน
หลักๆ คือ
1. ทหารที่ยังประจำการสามารถดำรงตำแหน่งพลเรือนได้ 14 องค์กรตามที่ระบุ ก่อนหน้านี้คือต้องเกษียณอายุราชการหรือลาออกก่อน
2. ขยายอายุเกษียณราชการของทหารตามตำแหน่ง ยิ่งตำแหน่งสูงยิ่งอยู่นาน
3. เพิ่มบทบาทของกองทัพในการต่อสู้กับภัยคุกคามไซเบอร์
นี่มันคือความพยายามจะเอา dwifungsi กลับมาชัดๆ
ประชาชนเลยออกมาประท้วงกันใหญ่วันนี้
(dwifungsi นั้นหมายถึง “ระเบียบใหม่” ที่เป็นแนวทางในยุคเผด็จการอดีต ปธน. ซูฮาร์โต)
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
(รอยเตอร์) 20 มี.ค. 2568 ชาวอินโดนีเซีย ชุมนุมประท้วงคัดค้านการแก้ไขกฎหมายทหารของประเทศ ซึ่งจะจัดสรรตำแหน่งพลเรือนมากขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณนอกอาคารรัฐสภาในกรุงจาร์ตาของอินโดนีเซีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี