จาการ์ตา (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - บรรดานักศึกษาและคนหนุ่มสาวในอินโดนีเซีย ออกมารวมตัวประท้วงต่อต้านกรณีที่รัฐสภาอินโดนีเซีย ผ่านร่างแก้กฎหมายที่มอบอำนาจให้ทหาร เข้ามามีบทบาทในรัฐสภามากขึ้น
สถานการร์การเมืองของอินโดนีเซียเผชิญความร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังการรับตำแหน่งประธานาธิบดี ของนายพลปราโบโว ซูเบียนโต เพียงแค่ไม่กี่เดือน เมื่อกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาจำนวนมากออกมารวมตัวกันประท้วงครั้งใหญ่ในหลายเมืองทั่วประเทศ รัฐสภาอินโดนีเซีย ผ่านร่างแก้กฎหมายที่มอบอำนาจให้ทหาร เข้ามามีบทบาทในรัฐสภามากขึ้น โดยประธานาธิบดีซูเบียนโต ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารหน่วยรบพิเศษ เป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุนการแก้กฎหมายนี้ ที่จะเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ทหาร ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องรอเกษียณอายุ หรือต้องลาออกจากกองทัพ แต่ไม่ใช่ในทุกตำแหน่ง เพราะการแก้กฎหมาย จะอนุญาตคนในกองทัพดำรงตำแหน่งในสถาบันทางพลเรือน 14 แห่งเท่านั้น แต่ก็เพิ่มจากกฎหมายฉบับเดิมที่อนุญาตเพียง 10 แห่งเท่านั้น อีกทั้งสภายังแก้กฎหมายให้เหล่านายพลดำรงตำแหน่งได้นานขึ้น จากเดิมเกษียณอายุตอน 60 ปี ก็มีการขยายเป็น 63 ปีอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจต่อประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อย่างมาก ทำให้ผู้ประท้วงออกมาชุมนุมหน้ารัฐสภา เพื่อต่อต้านการแก้กฎหมายนี้ พวกเขามองว่า หลักการประชาธิปไตยที่ดี คือ ทหารต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทหารควรดูแลค่ายทหาร และความมั่นคงแห่งชาติเท่านั้น แกนนำผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกกับว่า รัฐสภาอินโดนีเซียได้ทำลายประชาธิปไตยของประเทศไปแล้ว
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนท้องถิ่น มองว่า จริง ๆ แล้ว แม้จะไม่แก้กฎหมาย แต่กองทัพอินโดนีเซีย ก็เข้ามามีบทบาททางการเมืองอยู่แล้ว เพราะมีเจ้าหน้าที่ทหาร 2,600 นาย ที่ดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนอยู่แล้ว แม้จะมีความพยายามลดบทบาททหารในการเมืองมานาน 25 ปีก็ตาม พวกเขาจึงมองว่า นี่เป็นความพยายามกระชับอำนาจอย่างจริงจังของปราโบโว เพราะแม้แต่ฝ่ายค้านก็ลงมติเห็นชอบ
ความรู้สึกของคนอินโดนีเซียตอนนี้ บางส่วนมองว่า ปราโบโว คือสัญลักษณ์การกลับมาของยุคอำนาจนิยม เพราะตัวเขาเอง ก็ผู้บัญชาการการปราบปรามนักเคลื่อนไหวในช่วงปี 1997-1998 ในยุคของซูฮาร์โต ผู้ประท้วงบอกว่า ช่วง 32 ปี ที่ซูฮาร์โตอยู่ในตำแหน่ง เป็นช่วงที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง และมีกองทัพเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น การผ่านกฎหมายครั้งนี้ ก็จะยิ่งทำให้กองทัพแข็งแกร่ง และมีอำนาจมากขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ นับแต่ประธานาธิบดีซูเบียนโตขึ้นสู่อำนาจ เขาได้ขยายบทบาทของกองทัพมากขึ้น อาทิ โครงการอาหารกลางวันฟรีสำหรับเด็กและหญิงตั้งครรภ์ แต่เป็นการรับอาหารจากกองทัพ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี