23 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump targets lawyers in immigration cases, lawsuits against administration ระบุว่า กลุ่มสนับสนุนทางกฎหมายส่งเสียงเตือนเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2568 หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขู่ว่าจะดำเนินการครั้งใหม่กับทนายความและสำนักงานกฎหมายที่ฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและคดีอื่นๆ ต่อรัฐบาล หากทรัมป์มองว่าไร้จริยธรรม
ในบันทึกถึงอัยการสูงสุดสหรัฐฯ แพม บอนดี (Pam Bondi) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 มี.ค. 2568 ทรัมป์กล่าวว่าบรรดาทนายความกำลังช่วยส่งเสริมให้เกิดการฉ้อโกงและการเรียกร้องที่ไม่มีมูลความจริงในระบบตรวจคนเข้าเมือง และสั่งให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการคว่ำบาตรทนายความที่ละเมิดจรรยาบรรณในวิชาชีพ คำสั่งดังกล่าวยังมุ่งเป้าไปที่สำนักงานกฎหมายที่ฟ้องฝ่ายบริหารในคดีที่ทรัมป์ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันเรียกว่าเป็นคดีที่ลำเอียงโดยไม่มีมูลความจริง โดยทรัมป์ขอให้บอนดีส่งรายชื่อสำนักงานเหล่านั้นไปที่ทำเนียบขาวเพื่อเพิกถอนการอนุมัติด้านความมั่นคง และเพื่อยกเลิกสัญญาของรัฐบาลกลางที่สำนักงานดังกล่าวมีอยู่
เบน วิซเนอร์ (Ben Wizner) ทนายความอาวุโสที่สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) กล่าวว่า คำสั่งใหม่นี้มีจุดประสงค์เพื่อข่มขู่ทนายความที่กล้าท้าทายผู้นำสหรัฐฯ อนึ่ง ทรัมป์ยังโจมตีสำนักงานกฎหมาย เกี่ยวกับนโยบายความหลากหลายภายในและการมีความสัมพันธ์กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาด้วย ซึ่งจนถึงขณะนี้ ศาลเป็นสถาบันเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดต่อต้านการโจมตีของทรัมป์ได้ แต่ศาลจะไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้เลยหากไม่มีทนายความเป็นผู้ดำเนินคดี
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ACLU มีส่วนเกี่ยวข้องในการฟ้องร้องรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับการเนรเทศผู้อพยพ รวมถึงการขับไล่ชาวเวเนซุเอลาที่ถูกสงสัยว่าเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรม ปัจจุบันรัฐบาลทรัมป์ถูกฟ้องร้องมากกว่า 100 คดีที่ท้าทายการดำเนินการของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน สิทธิของคนข้ามเพศ และประเด็นอื่นๆ นับตั้งแต่เมื่อเดือน ม.ค. 2568 ที่ทรัมป์กลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 โดยกลุ่มสนับสนุนทางกฎหมาย ร่วมกับสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงอย่างน้อย 12 แห่ง ได้ยื่นฟ้องคดีเหล่านี้หลายคดี
เทเลอร์ โรเจอร์ (Taylor Rogers) โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ว่าระบบตุลาการจะไม่ถูกใช้เป็นอาวุธต่อประชาชนชาวอเมริกันอีกต่อไป ขณะที่กระทรวงยุติธรรมไม่ได้ตอบรับคำขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจดังกล่าวทันที ซึ่งสั่งให้ อสส.สหรัฐฯ ประเมินทนายความและสำนักงานกฎหมายต่างๆ ที่ยื่นฟ้องรัฐบาลในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
สำนักงานกฎหมาย Keker, Van Nest & Peters ซึ่งทำงานร่วมกับ ACLU ในคดีสิทธิของผู้อพยพที่ฟ้องรัฐบาล ออกแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำของทรัมป์เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้และน่ารังเกียจ ในการโจมตีทนายความโดยอาศัยลูกความของพวกเขาหรือการทำงานด้านกฎหมายที่ต่อต้านรัฐบาล ขณะที่ตัวแทนจากสำนักงานกฎหมายชื่อดังอื่นๆ ที่เป็นตัวแทนลูกความในคดีที่ฟ้องรัฐบาลของทรัมป์ รวมถึง Hogan Lovells, Jenner & Block, Perkins Coie และ WilmerHale ยังไม่ได้ตอบรับคำขอแสดงความคิดเห็นทันที
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในเดือน มี.ค. 2568 ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารต่อสำนักงานกฎหมาย Perkins Coie and Paul Weiss โดยระงับการทำหน้าที่ของทนายความจากสำนักงานกฎหมายดังกล่าวในการช่วยตรวจสอบงานด้านความมั่นคง รวมถึงจำกัดการเข้าถึงอาคาร เจ้าหน้าที่ และงานจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล ก่อนหน้านั้นในเดือน ก.พ. 2568 ทรัมป์ยังได้ระงับการทำหน้าที่ของทนายความของสำนักงานกฎหมาย Covington & Burling ในการช่วยตรวจสอบงานด้านความมั่นคง โดยผู้นำสหรัฐฯ อ้างว่า สำนักงานกฎหมายทั้ง 2 แห่ง เคยทำงานให้กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือทางกฎหมายของเขา
ในวันที่ 22 มี.ค. 2568 สำนักงานกฎหมาย Keker ได้เรียกร้องให้สำนักงานกฎหมายต่างๆ ช่วยกันลงนามในคำร้องร่วมต่อศาลเพื่อสนับสนุนการฟ้องร้องของ Perkins Coie ที่ท้าทายคำสั่งฝ่ายบริหาร แต่ในกรณีของสำนักงานกฎหมาย Perkins Coie and Paul Weiss เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ได้บรรลุข้อตกลงกับทรัมป์เพื่อยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารต่อสำนักงานกฎหมายดังกล่าว โดยให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงินสนับสนุนงานกฎหมายมูลค่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.3 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนประเด็นต่างๆ ของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมทหารผ่านศึกและการต่อต้านลัทธิต่อต้านชาวยิว
ทั้งนี้ ตามกฎหมายของสหรัฐฯ ทนายความต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ที่กำหนดให้ทนายความต้องสืบสวนข้อกล่าวหาต่างๆ ก่อนยื่นฟ้อง และต้องไม่หลอกลวงศาล อย่างไรก็ตาม การกำหนดบทลงโทษทางวินัยต่อทนายความที่ละเมิดจรรยาบรรณเป็นอำนาจหน้าที่ของศาล ไม่ใช่อัยการของรัฐบาลกลาง แม้ว่าอัยการสามารถตั้งข้อกล่าวหาทนายความในข้อหาประพฤติมิชอบทางอาญาได้ก็ตาม
ทนายความบางคนที่สนับสนุนทรัมป์ต้องเผชิญกับการลงโทษทางวิชาชีพจากข้อกล่าวหาว่าพวกเขาละเมิดจรรยาบรรณทางกฎหมายในการท้าทายชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ของโจ ไบเดน (Joe Biden) พรรคเดโมแครตเหนือทรัมป์ อาทิ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก รูดี จูลีอานี (Rudy Giuliani) ซึ่งต่อมาดำรงตำแหน่งทนายความให้กับทรัมป์ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความทั้งในนิวยอร์กและในดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงว่าไบเดนขโมยชัยนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563
ด้านกลุ่มทนายความเพื่อสิทธิพลเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนทางกฎหมายที่ฟ้องร้องฝ่ายบริหารกรณีการเนรเทศ ออกแถลงการณ์ระบุว่า คำขู่คว่ำบาตรของทรัมป์เป็นเรื่องตลก ซึ่งทรัมป์และพันธมิตรของเขาดูถูกหลักนิติรัฐ – นิติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขอบคุณเรื่องจาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/inter/871338 ท้าชนตุลาการ! ‘ทรัมป์’จี้ปธ.ศาลฎีกาสหรัฐฯ จำกัดอำนาจผู้พิพากษาออกคำสั่งขวางฝ่ายบริหาร
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี